ทำไมเกียร์ออโต้มีหลายแบบ ที่มือใหม่ต้องไม่พลาด
สำหรับใครที่เป็นมือใหม่หัดขับรถ สิ่งที่จำเป็นต้องรู้ จำให้ดี ใช้ให้คล่อง นั่นก็คือ การปรับเกียร์ออโต้รถยนต์ ซึ่งมีสัญลักษณ์ต่างๆ มากมายที่คนขับรถยนต์จำเป็นต้องรู้ เพราะถ้าหากไม่รู้การขับรถยนต์อาจประสบอุบัติเหตุได้นั่นเอง ดังนั้นการเรียนรู้เกี่ยวกับสัญลักษณ์ต่างๆ เป็นเรื่องสำคัญมากๆ และถ้าหากเป็นมือใหม่หัดขับการเลือกเรียนการขับรถเกียร์ออโต้ จะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
เกียร์ออโต้แต่ละตำแหน่งหมายถึงอะไร
1. เกียร์ P
สำหรับเกียร์ P คือ เกียร์สำหรับการจอดรถ ซึ่งในการที่จะเปลี่ยนเกียร์ P จำเป็นที่จะต้องให้รถหยุดสนิทก่อน ถึงจะเปลี่ยนเกียร์ได้ เมื่อมีการเปลี่ยนเกียร์เป็นที่เรียบร้อย รถจะจอดสนิทไม่สามารถขยับเขยื้อนไปไหนได้ ซึ่งเหมาะแก่การจอดในบ้าน จอดในบล็อกที่จอดรถ หรือแม้แต่การจอดในที่ลาดชัน โดยแนะนำว่าหลักเปลี่ยนเกียร์เสร็จให้ดึงเบรกมือด้วย
2. เกียร์ R
ในส่วนของเกียร์ R คือ เกียร์ถอยหลัง เมื่อเปลี่ยนเกียร์แล้วจะสามารถถอยหลังได้เอง หรือเรียกได้ว่าเป็น เกียร์ออโต้ ที่ไม่จำเป็นต้องเร่งเครื่องแต่อย่างใด โดยมากเราจะใช้เวลาที่จะจอดรถเข้าซอง หรือต้องการถอยไปด้านหลังอย่างช้าๆ ซึ่งการถอยหลังบางครั้งคนขับจะต้องหันไปมองหลังบ้าง จึงไม่ควรที่จะเหยียบคันเร่งไปด้วย เพราะจะเป็นการถอยหลังที่เร็วและอาจทำให้เกิดอันตรายได้นั่นเอง
3. เกียร์ N
เกียร์ N หรือเรียกอีกอย่างว่าเกียร์ว่าง โดยฟังก์ชันก็เป็นการทำให้รถจอด แต่จอดแบบไม่ล็อคล้อ ซึ่งจะเหมาะกับการจอดรถในจุดที่จำเป็นต้องเข็นรถ และอีกแบบก็คือจอดตอนรถติดไฟแดงเพื่อที่จะไม่ต้องเหยียบเบรกตลอดเวลาก็ได้เช่นเดียวกัน แต่การปรับเป็นเกียร์ว่าง จะต้องมั่นใจได้ว่าที่จอดเป็นถนนราบในระดับที่เท่ากัน เพราะไม่เช่นนั้นรถอาจไหลแล้วจะไปชนกับอย่างอื่นได้
4. เกียร์ D
ในส่วนของเกียร์ D ก็คือการปรับ เกียร์ออโต้ ให้เคลื่อนที่โดยอัตโนมัติ ซึ่งหากไม่เหยียบคันเร่ง รถก็จะเคลื่อนตัวออกช้าๆ ซึ่งมือใหม่ที่หัดขับรถควรฝึกแบบนี้ไปก่อน หลังจากนั้นก็สามารถเหยียบเร่งเครื่องเบาๆ ก็จะสามารถเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนรถยนต์ได้มากยิ่งขึ้น แนะนำว่าการขับค่อยๆ เหยียบเรื่อยๆ จะทำให้รถออกตัวได้ดี และไม่กระชากจนเกินไป ทั้งนี้นอกจากนี้ยังมีเกียร์ D3 และ D2 อีกด้วย ว่าแต่คืออะไรนั้นมาดูกัน
- เกียร์ D3 สำหรับเกียร์ D3 จะเหมาะกับคนที่ขับรถคล่องแล้ว โดยฟังก์ชันหลักก็คือจะเป็นการเร่งเครื่องแซงรถคันอื่นๆ และนอกจากนี้ยังเหมาะใช้สำหรับการขึ้นสะพานที่มีความชันเล็กน้อยก็ได้เหมือนกัน
- เกียร์ D2 สำหรับเกียร์นี้ต้องบอกเลยว่าต้องใช้ความชำนาญในการขับ เพราะจะเป็นเกียร์ที่เหมาะแก่การขับรถขึ้นเขา หรือไปในทางที่ชันมีขึ้นลงถี่ๆ อย่างชัดเจน หรือแม้แต่การขึ้นลานจอดรถที่มีความโค้งการปรับให้เป็นเกียร์นี้ก็จะช่วยเร่งเครื่องได้ดีเหมือนกัน
5. เกียร์ L
เกียร์ L นับว่าเป็นการขับรถยนต์ที่ช่วยชะลอให้ช้าลง ถือว่าเป็น เกียร์ออโต้ ที่เหมาะแก่การขึ้นลงเขาที่มีความชันเป็นอย่างมาก เพราะจะต้องไต่ขึ้นช้าๆ ในขณะเดียวกันตอนลงเขาก็ต้องชะลอความเร็วไม่ให้รถยนต์ไหลลงด้านล่างเร็วเกินไป
6. เกียร์ S
เกียร์ S จะเป็นเกียร์ที่เพิ่งมีหลักๆ เหมือนเป็นเกียร์ที่สะสมความแรง เพื่อที่ว่าอยากแซงก็สามารถเร่งเครื่องได้เลย
เกียร์ออโต้แบบตรงกับแบบขั้นบันไดต่างกันอย่างไร
เกียร์ออโต้แบบตรง
เกียร์ออโต้แบบตรง คือ การเลื่อนคันโยกขึ้นลงได้อย่างสะดวก ในบางตัวอักษรอาจจะตรงมีกดปุ่มเพื่อป้องกันความปลอดภัยขณะเปลี่ยนเกียร์รถได้
เกียร์ออโต้แบบขั้นบันได
เกียร์ออโต้แบบขั้นบันได ในจุดนี้จะเป็นบริเวณคันโยกที่จะเป็นจะต้องเลื่อนขึ้น เลื่อนลงแบบขั้นบันได ที่จำเป็นจะต้องหมุนเกียร์ซ้าย ขวา และปรับขึ้น ปรับลง