ปวดท้องเมนส์อันตรายกว่าที่คิด เสี่ยงสารพัดโรค
10 พฤศจิกายน 2023
ผู้ชม: 2518 คน

ปวดท้องเมนส์ อาการที่สาว ๆ ไม่ควรละเลย 


ปวดท้องเมนส์ เป็นอาการที่ผู้หญิงหลายคนมักละเลยเพราะคิดว่าเป็นเรื่องปกติ แต่จริง ๆ แล้วอาจเสี่ยงเป็นโรคร้ายโดยไม่รู้ตัวหากเกิดอาการปวดท้องเมนส์มากกว่าปกติ อย่านิ่งนอนใจ TIPINSURE ได้ลองรวบรวมเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับสาเหตุของการปวดท้องเมนส์ รวมถึงประเภทของอาการปวด และความเสี่ยงในโรคอื่น ๆ 

 

สาเหตุของการปวดท้องเมนส์

สาเหตุของการปวดท้องเมนส์ คือ โพรสตาแกลนดิน (prostaglandin) สารที่ออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนก่อตัวขึ้นบนเยื่อบุโพรงมดลูกในช่วงที่มีประจำเดือน โดยสารนี้จะส่งผลให้กล้ามเนื้อบีบตัว และมีอาการหดเกร็งตามมา จนเกิดเป็นอาการเจ็บปวด ยิ่งถ้าร่างกายหลั่งสารนี้ออกมาเป็นปริมาณมาก อาจทำให้อาการปวดท้องเมนส์รุนแรงมากขึ้นไปอีก

 

ประเภทของอาการปวดท้องเมนส์


ในเบื้องต้นประเภทของอาการปวดท้องเมนส์ สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลัก คือ ปวดท้องเมนส์ปฐมภูมิ และปวดท้องเมนส์ทุติยภูมิ โดยทั้งสองมีความแตกต่างมาจากสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดดังนี้

1. ปวดท้องเมนส์ปฐมภูมิ


อาการปวดท้องเมนส์ที่พบได้ตามปกติ เพราะร่างกายหลั่งสารโพรสตาแกลนดินมากเกินไป ทำให้เกิดอาการปวดเพิ่มมากขึ้นนั่นเอง

2. ปวดท้องเมนส์ทุติยภูมิ


ปวดท้องเมนส์ทุติยภูมิ เป็นอาการปวดที่มีสาเหตุมาจากความผิดปกติของมดลูก หรืออวัยวะสืบพันธุ์ส่วนอื่นร่วมด้วย ซึ่งอาการปวดแบบทุติยภูมิมักจะทำให้รู้สึกปวดมากกว่าปกติ โดยมีอาการเบื้องต้นดังนี้

  • ปวดรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ จนได้รับการฉีดยาแก้ปวด
  • มีประจำเดือนมามากเกินกว่าปกติ 
  • มีความผิดปกติในอุ้งเชิงกราน
  • รักษาด้วยยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs หรือยาเม็ดคุมกำเนิดแล้วไม่มีการตอบสนอง
  • มีอาการปวดขณะมีเพศสัมพันธ์
  • มีตกขาวผิดปกติ

 

ปวดท้องเมนส์ เสี่ยงเป็นอะไรบ้าง


ปวดท้องเมนส์มาก ๆ อาจเสี่ยงเป็นได้หลายอย่าง เช่น เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่, เยื่อบุมดลูกเจริญภายในกล้ามเนื้อมดลูก, เนื้องอกมดลูก, ภาวะปากมดลูกตีบ  และภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบ โดยสาเหตุที่กล่าวมามีรายละเอียดดังนี้

  • เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่: แม้จะเจริญผิดที่แต่ก็ยังทำหน้าที่สร้างประจำเดือนตามปกติ ทำให้มีเลือดอยู่ในอุ้งเชิงกรานบริเวณเยื่อบุโพรงมดลูก ทำให้เกิดอาการปวดท้องน้อยอย่างรุนแรงได้
  • เยื่อบุมดลูกเจริญภายในกล้ามเนื้อมดลูก: ส่งผลให้เกิดอาการปวดมากกว่าปกติ และอาจมีประจำเดือนมาก และมียาวนานกว่าปกติ
  • เนื้องอกมดลูก: หากมีขนาดใหญ่อาจทำให้มีประจำเดือนมาก ไปจนถึงการมีประจำเดือนแบบกะปริบกะปรอยต่อเนื่องนานหลายสัปดาห์ และยังอาจทำให้มีอาการปวดประจำเดือน หรือมีอาการปวดหลังบริเวณด้านล่างแบบเรื้อรังได้เช่นกัน
  • ภาวะปากมดลูกตีบ: หรือบางกรณีที่รูปิดสนิท ทำให้เกิดอาการเลือดคั่งภายใน อันเป็นผลให้มีอาการปวดท้องมาก
  • ภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบ: เกิดจากการติดเชื้อในระบบสืบพันธุ์ หากไม่รักษาให้หาย จะทำให้มีอาการปวดเรื้อรังและปวดท้องเมนส์ระหว่างมีประจำเดือนได้

 

ปวดท้องเมนส์แบบไหนควรพบแพทย์

อาการปวดท้องเมนส์ที่ควรไปพบแพทย์ คือ การรับประทานยาแล้วยังไม่หายปวด, มีอาการปวดที่มากขึ้นอย่างรู้สึกได้ชัดเจน, อายุมากกว่า 25 ปี แต่รู้สึกถึงอาการปวดที่รุนแรงได้เป็นครั้งแรก, มีไข้ขณะที่ปวดท้องเมนส์, มีประจำเดือนออกมามากกว่าปกติ, รู้สึกปวดท้องน้อยแม้ไม่มีประจำเดือน และมีอาการติดเชื้อที่สังเกตได้ง่าย เป็นต้น

 

สรุปบทความ


หากมีอาการปวดท้องเมนส์แตกต่างจากปกติ และเข้าข่ายแบบที่ควรพบแพทย์ ก็ไม่ควรปล่อยปละละเลยไว้ ให้รีบเข้าพบแพทย์ในโรงพยาบาลที่ใกล้เคียง เพื่อให้แพทย์ช่วยวินิจฉัยและหาวิธีรักษาได้ก่อนที่จะกลายเป็นโรคร้าย ดังนั้นคุณผู้หญิงที่ยังไม่มีอาการปวดท้องเมนส์รุนแรง ก็ไม่ควรชะล่าใจ หมั่นดูแลสุขภาพตัวเองให้ดีอย่างสม่ำเสมอ หรือจะเลือกทำประกันสุขภาพไว้เสริมความอุ่นใจ ว่าถ้าวันหนึ่งรู้สึกปวดท้องเมนส์มากกว่าปกติขึ้นมา จะได้มีตัวช่วยดูแลคุ้มครองอย่างครบวงจร ซึ่งสามารถเข้ามาขอคำปรึกษากับ TIPINSURE ได้ที่เบอร์ 1736 หรือเช็กราคาได้ที่หน้าเว็บไซต์ประกันสุขภาพได้โดยตรง

#Tag: