7 วิธีเอาตัวรอดเมื่อรถจมน้ำ รับมือได้ในเหตุการณ์จริง
อุบัติเหตุรถจมน้ำเป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดและอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ แม้คุณจะขับขี่ด้วยความระมัดระวังเพียงใด โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนหรือน้ำท่วมฉับพลัน การรู้วิธีเอาตัวรอดเมื่อขับรถตกน้ำจึงเป็นทักษะสำคัญที่ช่วยรักษาชีวิตได้ วันนี้ TIPINSURE จะแนะนำเทคนิคและขั้นตอนการเอาตัวรอดจากสถานการณ์รถจมน้ำที่ทุกคนควรรู้และนำไปปฏิบัติได้จริง
วิธีเอาตัวรอดเมื่อรถจมน้ำ
เมื่อเกิดเหตุการณ์ขับรถตกน้ำ ทุกวินาทีมีค่าต่อการเอาชีวิตรอด เพราะน้ำจะเข้ามาในรถอย่างรวดเร็วและทำให้รถจมลงเรื่อยๆ การรู้ขั้นตอนที่ถูกต้องและปฏิบัติอย่างรวดเร็วจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด มาดูวิธีรับมือทั้ง 7 ขั้นตอนกัน
1. รักษาสติและควบคุมอารมณ์
เมื่อขับรถตกน้ำ สิ่งแรกที่สำคัญที่สุดคือการควบคุมสติและอารมณ์ให้ได้ ไม่ตื่นตระหนกจนเกินไป เพราะความกลัวและตื่นตระหนกจะทำให้คิดไม่ออกและตัดสินใจผิดพลาด ให้หายใจลึกๆ และบอกตัวเองว่ายังมีเวลาเพียงพอในการหนีออกจากรถที่กำลังจมน้ำ จากนั้นรีบประเมินสถานการณ์และเตรียมพร้อมปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไป
2. ปลดล็อกประตูและหน้าต่างทันที
ทันทีที่รถเริ่มจมน้ำ ให้รีบปลดล็อกประตูและหน้าต่างทุกบานโดยเร็วที่สุด เพราะระบบไฟฟ้าในรถอาจดับได้ทุกเมื่อเมื่อน้ำเข้ามา ทำให้ไม่สามารถเปิดกระจกไฟฟ้าได้ หากประตูเปิดไม่ได้เพราะแรงดันน้ำ ให้เน้นเปิดหน้าต่างไว้เป็นทางออก และถอดพนักพิงศีรษะออกมาไว้ใช้ทุบกระจกยามฉุกเฉิน
3. รอให้น้ำเข้ามาในรถจนถึงระดับอก
แม้จะดูเหมือนขัดกับสัญชาตญาณ แต่การรอให้น้ำเข้ามาในรถจมน้ำจนถึงระดับอกเป็นสิ่งจำเป็น เพราะจะทำให้แรงดันน้ำภายในและภายนอกรถเท่ากัน ซึ่งจะช่วยให้เปิดประตูหรือหน้าต่างได้ง่ายขึ้น ระหว่างนี้ให้ปลดเข็มขัดนิรภัยและเตรียมตัวออกจากรถ
4. หายใจลึกๆ และเตรียมตัวดำน้ำ
เมื่อน้ำเข้ามาถึงระดับที่พร้อมจะออกจากรถที่จมน้ำ ให้สูดหายใจเข้าลึกๆ ให้เต็มปอด จากนั้นกลั้นหายใจไว้ให้ดี หากมีเวลาให้ฝึกหายใจเข้าออกลึกๆ 2-3 ครั้งเพื่อเพิ่มออกซิเจนในเลือด ซึ่งจะช่วยให้กลั้นหายใจได้นานขึ้นขณะว่ายน้ำออกมา
5. ว่ายออกจากรถผ่านหน้าต่างที่เปิดไว้
ใช้แขนดันตัวออกจากรถจมน้ำผ่านหน้าต่างที่เปิดไว้ ระวังอย่าให้เสื้อผ้าหรืออุปกรณ์ติดกับส่วนใดของรถ พยายามว่ายออกมาในทิศทางที่ตรงที่สุดเท่าที่จะทำได้ หากหน้าต่างเปิดไม่ได้ ให้ใช้พนักพิงศีรษะหรืออุปกรณ์ทุบกระจกฉุกเฉินทุบมุมกระจก
6. ลอยตัวขึ้นสู่ผิวน้ำในแนวทแยงมุม
เมื่อออกจากรถที่จมน้ำได้แล้ว ให้ว่ายขึ้นในแนวทแยง 45 องศา เพราะเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดสู่ผิวน้ำ ระหว่างว่ายขึ้น ให้สังเกตฟองอากาศที่ลอยขึ้น เพราะจะช่วยบอกทิศทางขึ้นสู่ผิวน้ำได้ ค่อยๆ ว่ายขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ไม่ต้องรีบร้อนจนเปลืองแรง
7. ว่ายไปยังฝั่งที่ปลอดภัยที่สุด
เมื่อถึงผิวน้ำแล้ว ให้มองหาฝั่งที่ใกล้และปลอดภัยที่สุด สังเกตทิศทางกระแสน้ำและสิ่งที่ลอยมาได้ ว่ายไปในทิศทางที่กระแสน้ำไหลไปด้วยจะช่วยประหยัดแรง หากมีสิ่งที่ลอยน้ำได้ใกล้ตัว เช่น ถังพลาสติกหรือยางรถ ให้เกาะไว้เพื่อพยุงตัว
อุปกรณ์ช่วยชีวิตที่ควรมีติดรถ
การเตรียมพร้อมรับมือกับเหตุการณ์รถจมน้ำเป็นสิ่งสำคัญ นอกจากการรู้วิธีเอาตัวรอดแล้ว การมีอุปกรณ์ช่วยชีวิตติดรถไว้จะช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตได้มาก โดยอุปกรณ์ที่ควรมีประจำรถมีดังนี้
- ค้อนทุบกระจกฉุกเฉิน
- มีดตัดเข็มขัดนิรภัย
- ไฟฉายกันน้ำ
- นกหวีด
- เชือกช่วยชีวิต
- ชุดปฐมพยาบาล
รถจมน้ำเคลมประกันได้ไหม
กรณีรถจมน้ำสามารถเคลมประกันได้ หากทำประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 หรือประกันภัยรถยนต์ที่มีความคุ้มครองความเสียหายจากภัยน้ำท่วม โดยเมื่อเกิดเหตุให้รีบแจ้งบริษัทประกันทันที ถ่ายรูปความเสียหายไว้เป็นหลักฐาน และห้ามสตาร์ทเครื่องยนต์เด็ดขาดเพราะอาจทำให้เครื่องยนต์เสียหายมากขึ้น รอเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบและดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
สรุปบทความ
การรู้วิธีเอาตัวรอดจากเหตุการณ์รถจมน้ำเป็นทักษะสำคัญที่อาจช่วยชีวิตคุณได้ การเตรียมพร้อมทั้งความรู้และอุปกรณ์จะช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตได้มาก นอกจากนี้ การทำประกันรถยนต์ที่คุ้มครองภัยน้ำท่วมก็เป็นอีกหนึ่งการป้องกันที่ดี ช่วยคุ้มครองทั้งรถและตัวเรา ที่สำคัญยังช่วยเซฟค่าใช้จ่ายได้มากกว่า สนใจทำประกันรถยนต์ออนไลน์ TIPINSURE พร้อมให้คำปรึกษาด้วยแผนประกันจากทิพยประกันภัยที่ครอบคลุมและคุ้มค่า ตอบโจทย์ทุกความต้องการ