ศัพท์ประกันภัยต้องรู้! ก่อนซื้อประกันภัยรถยนต์
ใครที่กำลังศึกษาเรื่องการซื้อประกันรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นประกันภัยชั้นไหน คงเคยเจอคำศัพท์ประกันภัยบางคำที่คุ้นหู คุ้นตากันมาบ้าง แต่ไม่รู้ความหมายจริงๆ ยิ่งการซื้อประกันรถยนต์ที่เป็นเรื่องราวเฉพาะทาง ก็ควรต้องทำความเข้าใจคำศัพท์ประกันรถยนต์ คำนิยามศัพท์ที่ใช้ในกรมธรรม์ เพื่อเราจะได้รับความครอบคลุมที่ตอบโจทย์และคุ้มค่ามากที่สุด ว่าแต่จะมีศัพท์ที่จำเป็นต้องรู้อะไรบ้างมาดูกัน
ศัพท์ประกันภัยขั้นพื้นฐานที่ควรรู้
1. กรมธรรม์ (Policy)
หนังสือสัญญาที่แสดงข้อตกลงและเงื่อนไขต่างๆ ของผู้เอาประกัน กับบริษัทประกันภัย เพื่อใช้เป็นหลักฐานข้อตกลง และความคุ้มครองตามสัญญาประกันภัย จะระบุรายละเอียดสำคัญต่างๆ ไว้ เช่น ประกันรถประเภทไหน เบี้ยประกัน ทุนประกันเท่าไร วันครบกำหนดสัญญา เป็นต้น นอกจากที่กล่าวมาแล้วยังมีรายละเอียดอีกมากมายที่ถูกระบุเอาไว้ในกรมธรรม์
2. ผู้เอาประกัน / ผู้รับประกัน / ผู้รับผลประโยชน์
- ผู้เอาประกัน (The Insured) คู่สัญญาที่มีหน้าที่ส่งเบี้ยประกันภัยจำนวนหนึ่ง ให้แก่ผู้รับประกันภัย หรืออธิบายง่ายๆ ก็คือ ผู้ซื้อประกันรถยนต์ นั่นเอง จะได้รับความคุ้มครองจากบริษัทประกัน ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุขึ้นทางผู้เอาประกันสามารถเรียกร้องสิทธิ์ ตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง และไม่เกินจากที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
- ผู้รับประกัน (The Insurer) บริษัทประกันภัย (บริษัทประกันภัยที่คุณสมัคร) ตกลงจะใช้ค่าสินไหมทดแทน หรือชดใช้เงินจำนวนหนึ่งให้แก่ผู้เอาประกันภัย หรือผู้รับประโยชน์ เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นตามที่ได้ระบุไว้ในสัญญาหรือกรมธรรม์
- ผู้รับประโยชน์ (The Beneficiary) บุคคลภายนอกกรมธรรม์ที่มีสิทธิได้รับค่าชดใช้จากบริษัทประกันในกรณีที่รถยนต์ได้รับความเสียหาย ซึ่งผู้รับประโยชน์อาจเป็นคนเดียวกับผู้เอาประกันภัยก็ได้ แต่ก็สามารถให้ผู้อื่นที่ถูกระบุชื่อไว้ในกรมธรรม์เป็นคนรับก็ได้เช่นกัน
3. ทุนประกัน (Sum Insured)
วงเงินสำหรับการขอรับประกันในกรณีต่างๆ เมื่อมีความเสียหายเกิดขึ้นกับรถยนต์ตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ โดยทุนประกันที่ผู้รับประกันภัยชดใช้ จะไม่เกินกว่าที่ระบุไว้ในสัญญา
4. ค่าสินไหมทดแทน (Claim Amount)
อย่าสับสนค่าสินไหมทดแทน กับทุนประกันว่าเป็นตัวเดียวกัน สำหรับทุนประกันคือวงเงินทั้งหมดที่ประกันภัยรถยนต์ครอบคลุมอยู่ แต่สินไหมทดแทนคือ ค่าเสียหายที่บริษัทประกันจะเป็นผู้รับผิดชอบ โดยความเสียหายที่เกิดขึ้นจะต้องเป็นไปตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ และเป็นค่าเสียหายตามที่เกิดขึ้นจริง
5. เคลมประกัน (Claim)
การนำรถยนต์ที่เสียหายจากอุบัติเหตุหรือภัยต่างๆ เข้าซ่อมที่ศูนย์หรืออู่ที่อยู่ในเครือของบริษัทประกัน แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
- เคลมสด คือ การเคลมที่ต้องติดต่อบริษัทประกันเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมออกเอกสารใบเคลมค่าเสียหายสำหรับนำรถไปซ่อมต่อไป เช่น รถชนกับรถของคู่กรณี หรือรถชนเสียหายหนัก เป็นต้น
- เคลมแห้ง คือ การเคลมประกันหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ไปแล้วระยะหนึ่ง ส่วนใหญ่จะเป็นความเสียหายเล็กๆ น้อยๆ เป็นรูปแบบของการเกิดอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณีนั่นเอง เช่น รถถอยชนกำแพง ขอบถนน ราวสะพาน ฯลฯ จนทำให้ตัวรถเกิดรอยขูดขีด รอยบุบเสียหาย
6. ซ่อมห้าง / ซ่อมอู่
อีกหนึ่งความสำคัญที่ทุกคนต้องเจอตั้งแต่วันแรกในการทำประกัน คือ ทางบริษัทประกันจะให้คุณเลือกทำประกันรถยนต์ในสองรูปแบบ
- ซ่อมห้าง หรือที่เราเรียกกันว่า “ซ่อมศูนย์” การนำรถเข้าซ่อมกับศูนย์บริการรถยนต์ยี่ห้อนั้นๆ โดยตรง จะได้รับการบริการจากช่างมืออาชีพที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจากทางศูนย์บริการ ร่วมถึงอะไหล่ของรถยนต์ยี่ห้อนั้นๆ โดยตรง
- ซ่อมอู่ การนำรถเข้าซ่อมกับอู่ซ่อมรถที่อยู่ภายใต้สัญญาการทำประกันกับทางบริษัท ซึ่งแต่ละอู่ก็จะมีคุณภาพและงานบริการที่แตกต่างกันไป และจะต้องดูเงื่อนไขให้ดีว่าซ่อมอู่ใดได้บ้าง ถ้าไปซ่อมอู่ที่ไม่ใช่อู่ในสังกัดทางบริษัทจะรับผิดชอบหรือไม่
คำศัพท์ประกันรถยนต์ที่คุณควรรู้นั้นมีไม่มากเท่าที่คิด ส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นประโยชน์ต่อการเลือกซื้อประกันรถยนต์ที่เหมาะสมกับรถและไลฟ์สไตล์ของตัวคุณเองได้อย่างคุ้มค่าที่สุด หากคุณต้องการความมั่นใจในระดับดีที่สุด TIPINSURE ช่วยดูแลคุณได้ เช็คราคาหรือซื้อประกันรถชั้น 1 ออนไลน์ได้เลยที่ TIPINSURE.COM หรือโทร 1736