รู้ทันไวรัสตับอักเสบทุกชนิด ภัยร้ายที่หลายคนไม่รู้ตัว
27 พฤศจิกายน 2024
ผู้ชม: 136 คน

เจาะลึกไวรัสตับอักเสบ มีกี่ชนิดและอาการเป็นอย่างไร

หลายคนอาจยังไม่คุ้นเคยกับไวรัสตับอักเสบ แต่ความจริงแล้ว โรคนี้อยู่ใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด เพราะสามารถติดต่อได้ง่ายผ่านการรับประทานอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อ รวมถึงการสัมผัสกับสารคัดหลั่งของผู้ป่วย วันนี้ TIPINSURE จะพาทุกท่านเจาะลึกถึงสาเหตุ อาการ และวิธีป้องกันโรคร้ายที่อาจแฝงตัวอยู่รอบๆ ตัวเรา เพื่อให้คุณสามารถรู้เท่าทันและป้องกันตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

ไวรัสตับอักเสบคืออะไร?

ไวรัสตับอักเสบ คือ โรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสเข้าไปทำลายเซลล์ตับ ทำให้เกิดการอักเสบและการทำงานของตับผิดปกติ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดภาวะตับอักเสบเฉียบพลันหรือเรื้อรัง และในบางกรณีอาจนำไปสู่ภาวะตับแข็งหรือมะเร็งตับได้ในระยะยาว โรคนี้สามารถติดต่อได้หลายทาง ขึ้นอยู่กับชนิดของไวรัส

 

อาการและการวินิจฉัย

อาการของโรคไวรัสตับอักเสบมีความหลากหลายและแตกต่างกันไปตามชนิดของไวรัส บางรายอาจไม่แสดงอาการใดๆ เลย ในขณะที่บางรายอาจมีอาการรุนแรงถึงขั้นตับวายได้ โดยทั่วไป ผู้ป่วยมักมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ เช่น มีไข้ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง และปวดเมื่อยตามตัว นอกจากนี้ ยังอาจพบอาการตัวเหลือง ตาเหลือง และปัสสาวะสีเข้มผิดปกติ

การสังเกตอาการเบื้องต้นสามารถทำได้โดยการสังเกตสีผิวและตาของตนเอง หากพบว่ามีสีเหลืองผิดปกติ ร่วมกับมีอาการอื่นๆ ที่กล่าวมาข้างต้น ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยโดยละเอียด ซึ่งอาจรวมถึงการตรวจเลือดเพื่อดูการทำงานของตับและการตรวจหาแอนติบอดีต่อไวรัสชนิดต่างๆ เพื่อยืนยันการวินิจฉัยและเริ่มการรักษาที่เหมาะสมโดยเร็วที่สุด

 

ไวรัสตับอักเสบมีกี่ชนิด

ไวรัสตับอักเสบเป็นโรคที่มีหลายชนิด แต่ละชนิดมีลักษณะการติดต่อและความรุนแรงแตกต่างกันไป ปัจจุบันเราพบไวรัสตับอักเสบที่สำคัญ 5 ชนิดหลัก ได้แก่ A, B, C, D และ E โดยแต่ละชนิดมีรายละเอียดดังนี้

ไวรัสตับอักเสบ A

ไวรัสตับอักเสบ A ติดต่อผ่านทางอาหารและน้ำที่ปนเปื้อนอุจจาระของผู้ป่วย มักพบในพื้นที่ที่มีสุขอนามัยไม่ดี อาการมักไม่รุนแรงและหายได้เองภายใน 2-6 สัปดาห์ ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีภูมิคุ้มกันหลังหายป่วย ทำให้ไม่ติดเชื้อซ้ำ

ไวรัสตับอักเสบ B

ไวรัสตับอักเสบ B ติดต่อผ่านทางเลือด น้ำเหลือง น้ำอสุจิ และสารคัดหลั่งอื่นๆ ของผู้ป่วย รวมถึงการติดต่อจากแม่สู่ลูก อาการอาจรุนแรงและกลายเป็นโรคเรื้อรังได้ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดตับแข็งและมะเร็งตับในระยะยาว

ไวรัสตับอักเสบ C

ไวรัสตับอักเสบ C ติดต่อผ่านทางเลือดเป็นหลัก เช่น การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน หรือการได้รับเลือดที่ปนเปื้อนเชื้อ มักไม่แสดงอาการในระยะแรก แต่สามารถกลายเป็นโรคเรื้อรังและนำไปสู่ภาวะตับแข็งหรือมะเร็งตับได้หากไม่ได้รับการรักษา

 

ไวรัสตับอักเสบ D

ไวรัสตับอักเสบ D เป็นไวรัสที่ต้องอาศัยการติดเชื้อร่วมกับไวรัสตับอักเสบ B จึงจะก่อโรคได้ ติดต่อผ่านทางเลือดและสารคัดหลั่งเช่นเดียวกับไวรัสตับอักเสบ B การติดเชื้อร่วมนี้มักทำให้อาการรุนแรงขึ้นและเพิ่มโอกาสเกิดตับวายเฉียบพลัน

ไวรัสตับอักเสบ E

ไวรัสตับอักเสบ E ติดต่อผ่านทางอาหารและน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อ คล้ายกับไวรัสตับอักเสบ A มักพบในประเทศกำลังพัฒนาที่มีสุขอนามัยไม่ดี อาการส่วนใหญ่ไม่รุนแรงและหายได้เอง แต่อาจเป็นอันตรายต่อหญิงตั้งครรภ์

 

รักษาอย่างไรเมื่อพบเชื่อไวรัรสตับอักเสบ

เมื่อพบว่าติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะมีแนวทางการรักษาที่แตกต่างกันไปตามชนิดของไวรัสและความรุนแรงของโรค โดยมีวิธีการรักษาหลักๆ ดังนี้

  • การรักษาแบบประคับประคอง ใช้สำหรับไวรัสตับอักเสบ A และ E ที่มักหายได้เอง โดยการพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมากๆ และรับประทานอาหารที่ย่อยง่าย
  • การใช้ยาต้านไวรัส สำหรับไวรัสตับอักเสบ B, C และ D เพื่อยับยั้งการแบ่งตัวของไวรัสและป้องกันการลุกลามของโรค
  • การรักษาด้วยอินเตอร์เฟียรอน ใช้ในบางกรณีของไวรัสตับอักเสบ B และ C เพื่อกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้ต่อสู้กับไวรัส
  • การปลูกถ่ายตับ เป็นทางเลือกสุดท้ายสำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะตับวายรุนแรงจากไวรัสตับอักเสบเรื้อรัง

 

วิธีป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ

ไวรัสตับอักเสบป้องกันได้ด้วยการรักษาสุขอนามัยที่ดีและการระมัดระวังในการใช้ชีวิตประจำวัน โดยมีวิธีการป้องกันที่สำคัญ ดังนี้

  • รับประทานอาหารที่สุกสะอาด และดื่มน้ำที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้วเท่านั้น
  • ล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่และน้ำสะอาดอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะก่อนรับประทานอาหารและหลังเข้าห้องน้ำ
  • หลีกเลี่ยงการใช้ของมีคมร่วมกับผู้อื่น เช่น มีดโกน แปรงสีฟัน หรือเข็มฉีดยา
  • ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ A และ B ตามคำแนะนำของแพทย์
  • ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ B และ C

 

ไวรัสตับอักเสบเป็นโรคที่สามารถป้องกันและรักษาได้ หากเรารู้เท่าทันและใส่ใจในการดูแลสุขภาพ อย่างไรก็ตาม การรักษาโรคนี้อาจมีค่าใช้จ่ายสูง ดังนั้น การวางแผนชีวิตด้วยประกันสุขภาพออนไลน์จาก TIPINSURE จึงเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ เรามีบริการประกันสุขภาพเหมาจ่าย จากทิพยประกันภัยที่ครอบคลุมและตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมรับมือกับค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นจากการรักษาโรคร้ายแรงต่างๆ ใครกำลังมองหาประกันสุขภาพที่ไหนดีลองเข้ามาเปรียบเทียบที่เว็บไซต์ของเรา เพื่อค้นหากรมธรรม์ที่เหมาะที่สุดได้เลย

#Tag: