โดนชนแล้วหนี ประกันรถคุ้มครองหรือไม่
ถึงแม้ว่าอุบัติเหตุจากการขับขี่รถยนต์ อาจจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาแบบชนิดที่เราไม่ทันตั้งตัว หรือแม้แต่ขับขี่อย่างระมัดระวัง ตั้งอยู่บนความไม่ประมาทแล้วก็ตาม แต่อุบัติเหตุประเภทหนึ่งที่ชวนปวดหัวไม่ใช่น้อยคือ การที่รถของเราโดนชนแล้วหนีนั่นเอง นอกจากรถยนต์คันโปรดจะพังเสียหายแล้ว ยังตามหาคู่กรณีไม่ได้เสียอีก แล้วแบบนี้ประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่ทำไว้ จะให้ความคุ้มครองหรือไม่ วันนี้เราจะมาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันว่า โดนชนแล้วหนีต้องทำอย่างไร ประกันคุ้มครองหรือไม่
ไม่ต้องตกใจ ตั้งสติไว้ให้ดี
ก่อนอื่นต้องทำใจก่อนเลยว่า โอกาสโดนชนแล้วหนีโดยไม่รับผิดชอบ อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา หลาย ๆ คนพอเกิดเหตุขึ้นมา ก็มัวแต่ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ในกรณีที่รถถูกเฉี่ยวชนขณะขับขี่บนถนนแล้วรถคันที่ชนกำลังขับหนีไป ให้พยายามจำรายละเอียดต่าง ๆ ของรถคู่กรณีให้ได้มากที่สุด เช่น เลขทะเบียน สีรถ ยี่ห้อรถ ลักษณะของรถ ฯลฯ เพื่อเอาไว้ใช้เป็นหลักฐาน แต่หากเป็นกรณีที่รถจอดอยู่ ก็ให้ดูว่าร่องรอยที่โดนชน สำรวจความเสียหายให้ชัดเจน
โทรแจ้งบริษัทประกัน
สิ่งที่ต้องทำเป็นลำดับต่อมาก็คือ ให้รีบโทรแจ้งและบอกรายละเอียด ไปยังบริษัทที่เราได้ประกันภัยรถยนต์เอาไว้ เพื่อที่บริษัทประกันจะออกใบเคลมให้ หากเราจำทะเบียนรถคู่กรณี คันที่ชนแล้วหนีไม่ได้ บริษัทประกันก็จะตามหารถคู่กรณีให้เอง ในยุคปัจจุบันการติดกล้องรถยนต์สำหรับบันทึกภาพหน้ารถ ถือเป็นตัวช่วยที่มีความจำเป็นมากเลยทีเดียว แต่หากไม่มีกล้องติดรถยนต์ ก็อาจจะหาหลักฐานเพิ่มเติมอื่น ๆ เช่น การประสานกับหน่วยงานที่ดูแลกล้องวงจรปิดในบริเวณที่เกิดเหตุ
แจ้งความลงบันทึกประจำวัน
เพื่อจะยืนยันได้ว่ารถถูกชนแล้วหนีจริง ๆ จำเป็นต้องแจ้งความที่สถานีตำรวจ เพื่อให้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เพราะในทางกฎหมายการชนแล้วหนีถือเป็นความผิดทางอาญา ที่ระบุไว้ใน พ.ร.บ.จราจรทางบก ที่มีอายุความนานถึง 15 ปี เจ้าหน้าที่มีสิทธิ์ยึดรถคันที่ชนแล้วหลบหนี หากไม่แสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ภายใน 6 เดือน นับจากวันเกิดเหตุ กรณีไม่มีข้อมูลของคู่กรณี ก็ให้แจ้งข้อมูลรายละเอียดอื่น ๆ ให้ชัดเจน เช่น โดนชนที่ไหน เวลาประมาณเท่าไหร่ ทำไมถึงโดนชน โดนชนบริเวณไหน เพื่อเอาไว้ยื่นขอเคลมประกันรถยนต์กับบริษัทประกัน
สรุปชัดๆ ชนแล้วหนี ประกันคุ้มครองหรือไม่
มีหลายคนที่สงสัยกันว่า ในกรณีชนแล้วหนี ประกันภัยรถยนต์ที่เราทำไว้นั้นจะคุ้มครองหรือไม่ ก็ต้องบอกว่าขึ้นอยู่กับเงื่อนไขความคุ้มครองของประเภทประกันรถยนต์ที่ทำไว้ดังนี้
กรณีแรกสำหรับใครที่ทำประกันรถยนต์ชั้น 1 เอาไว้ เมื่อเกิดเหตุชนแล้วหนี จะได้รับความคุ้มครองทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุที่มีหรือไม่มีคู่กรณีก็ตาม สามารถนำรถยนต์เข้าเคลมประกันได้เลย
ประกันรถยนต์ชั้น 2 พลัส
ประกันภัยรถยนต์ประเภทนี้จะคุ้มครองกรณีที่มีคู่กรณีเท่านั้น หากเราสามารถจำทะเบียนรถคู่กรณีได้ หรือมีบันทึกเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุ ก็สามารถเคลมประกันได้เช่นเดียวกัน
ประกันรถยนต์ชั้น 3 พลัส
ประกันภัยรถยนต์ประเภทนี้ ไม่ต่างจากประกันรถยนต์ชั้น 2+ เพราะจะคุ้มครองในกรณีรถชนกับรถเท่านั้น หากสามารถหาหลักฐานหรือมีบันทึกเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุ ระบุตัวตนของรถที่ชนแล้วหนีได้ ก็สามารถเคลมประกันได้
ประกันรถยนต์ชั้น 2 กับประกันรถยนต์ชั้น 3
ประกันภัยรถยนต์ประเภทนี้ จะไม่ได้รับการคุ้มครองจากกรณีชนแล้วหนี ตามเงื่อนไขที่ระบุเอาไว้ในกรมธรรม์ จะคุ้มครองความเสียหายเฉพาะรถคู่กรณีเท่านั้น เท่ากับว่าหากเกิดเหตุรถถูกชนแล้วหนีขึ้นมาจริง ๆ เจ้าของรถต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด
ถึงแม้ว่าอุบัติเหตุชนแล้วหนี อาจจะไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นได้บ่อย ๆ ก็จริง แต่สำหรับคนที่ทำประกันรถยนต์เอาไว้ การเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์แบบนี้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะหลักฐานเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดโดยคู่กรณี ที่มีผลต่อการเคลมประกัน ใครที่กำลังมองหาประกันรถยนต์ดี ๆ เพื่อเอาไว้เป็นตัวช่วยคุ้มครองรถยนต์คันโปรด ขอแนะนำ ประกันรถยนต์ชั้น 1 TIPINSURE ที่มีความพร้อมในด้านบริการ มีแผนประกันหลากหลาย ที่สามารถเลือกให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ คุ้มครองครอบคลุมสูงสุด ทั้งความเสียหายแบบที่มีและไม่มีคู่กรณี รวมถึงกรณีรถยนต์สูญหาย ไฟไหม้ น้ำท่วม ฯลฯ เพื่อความอุ่นใจในทุกเส้นทาง คลิกเช็กราคาได้เลย