7 เคล็ดลับการดูแลรถหน้าฝน เพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัย
04 กันยายน 2024
ผู้ชม: 23 คน

ดูแลรถหน้าฝนอย่างไรให้รถพร้อมใช้งาน


พอเข้าช่วงหน้าฝน นอกจากจะต้องคอยระวังเรื่องน้ำท่วมน้ำขังแล้ว “การดูแลรถหน้าฝน” เป็นอีกเรื่องสำคัญที่คนรักรถต้องใส่ใจเป็นพิเศษในช่วงนี้ เพราะน้ำฝนเป็นศัตรูทั้งกับยางรถยนต์และอันตรายที่อาจเกิดขึ้นบนท้องถนนได้ง่าย วันนี้ TIPINSURE มีเคล็ดลับดี ๆ ที่จะช่วยดูแลรถของคุณให้พร้อมใช้งานตลอดฤดูฝนนี้!

 

7 เคล็ดลับการดูแลรถหน้าฝนให้พร้อมใช้งาน

รวมเคล็ดลับวิธีดูแลรถหน้าฝนให้พร้อมใช้งานเต็มประสิทธิภาพ หากคุณต้องเดินทางเป็นประจำไม่ว่าจะไปทำงาน ท่องเที่ยวต่างจังหวัด หรือทำงานหน้าที่ขับรถโดยสาร ช่วงที่ฝนตกไม่เพียงแค่ทำให้ถนนลื่นแต่ยังมาพร้อมทัศนวิสัยที่ส่งผลต่อการขับรถ ดังนั้นเราเสริมการป้องกันความปลอดภัยในการขับขี่ด้วยประกันอุบัติเหตุและ7 วิธีนี้!

1. หลีกเลี่ยงการจอดรถใต้ต้นไม้

จอดรถใต้ต้นไม้อาจเสี่ยงต่อการถูกกิ่งไม้หล่นใส่หรือผลไม้ตกใส่ ซึ่งอาจทำให้รถได้รับความเสียหายและคนในรถบาดเจ็บได้ รวมถึงน้ำยางจากใบไม้ที่อาจทำให้สีรถหมองคล้ำ

2. รีบล้างรถหลังลุยฝน

หลังจากที่รถผ่านการลุยฝน ควรรีบล้างรถทันทีเพื่อป้องกันคราบสกปรกและสิ่งสกปรกที่เกาะติดอยู่บนผิวรถ น้ำฝนที่ตกในเมืองอาจมีสารเคมีและมลพิษที่สามารถทำลายสีรถได้หากปล่อยทิ้งไว้นาน การล้างรถหลังลุยฝนจะช่วยขจัดคราบดินและสิ่งสกปรกที่เกาะอยู่ตามตัวถังรถ ช่วยให้สีรถยังคงสดใสและไม่ถูกทำลาย

3. เช็กที่ปัดน้ำฝน

ที่ปัดน้ำฝนเป็นอุปกรณ์สำคัญในการเพิ่มทัศนวิสัยขณะขับรถในช่วงฝนตก ควรตรวจสอบที่ปัดน้ำฝนอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน หากใบปัดน้ำฝนมีอาการสึกหรอ แตกหัก หรือปัดน้ำฝนไม่สะอาด อาจทำให้การมองเห็นลดลงและเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้

4. เช็กลมยางและยางรถยนต์

การดูแลรถหน้าฝน การเช็กลมยางและยางรถยนต์เป็นสิ่งสำคัญมาก ควรตรวจสอบว่าลมยางอยู่ในระดับที่เหมาะสมและยางรถยังมีดอกยางที่เพียงพอ เพื่อป้องกันการลื่นไถล หากดอกยางสึกหรอมากเกินไป ควรเปลี่ยนยางใหม่

5. เช็กเบรกรถยนต์

เบรกเป็นส่วนสำคัญที่สุดในระบบความปลอดภัยของรถยนต์ โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนที่ถนนลื่นและมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุสูงขึ้น ควรตรวจสอบผ้าเบรกว่าอยู่ในสภาพดีหรือไม่ โดยดูว่าผ้าเบรกมีความหนาเพียงพอหรือไม่และไม่มีรอยสึกหรอจนเกินไป นอกจากนี้ ควรตรวจเช็กน้ำมันเบรกให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและไม่มีการรั่วซึมทุกครั้งก่อนออกเดินทาง

6. เช็กแบตเตอรี่

ในช่วงฤดูฝนความชื้นและอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของแบตเตอรี่รถยนต์ เพื่อให้แน่ใจว่าแบตเตอรี่จะสามารถทำงานได้ดีตลอดเวลา ควรตรวจสอบขั้วแบตเตอรี่ให้สะอาดและไม่มีคราบสนิม นอกจากนี้ ควรตรวจเช็กระดับน้ำกลั่นในแบตเตอรี่อย่างสม่ำเสมอ และหากมีสัญญาณว่าแบตเตอรี่เริ่มเสื่อมสภาพ เช่น สตาร์ตรถติดยากควรรีบเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ทันที

7. เช็กระบบไฟรถยนต์

ระบบไฟส่องสว่างของรถยนต์ต้องทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรตรวจสอบไฟหน้า ไฟท้าย และไฟเลี้ยวเพื่อให้แน่ใจว่าทุกระบบไฟทำงานได้ดีในสภาพอากาศที่แย่

 

สรุปบทความ

การดูแลรถหน้าฝนเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ ควรหมั่นตรวจเช็กและบำรุงรักษารถตามที่แนะนำ เพื่อให้รถพร้อมใช้งานและปลอดภัยในทุกสภาพอากาศ และเพื่อป้องกันไม่ให้คุณต้องควักเงินจ่ายค่าเสียหายเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นการทำประกันรถยนต์ จะช่วยจ่ายเงินชดเชย ค่าเสียเวลา พร้อมให้คุณได้รับการดูแลอย่างดีเมื่อรถยนต์เกิดอุบัติเหตุหรือความเสียหายจากธรรมชาติ มีประกันนี้แล้วอุ่นใจไปกับทิพยประกันภัย 

#Tag: