M-Flow คืออะไร มีวิธีสมัครและชำระเงิน ยังไงบ้าง?
20 สิงหาคม 2024
ผู้ชม: 960 คน

M-Flow ทางเลือกใหม่ของการชำระค่าผ่านทาง
การจราจรที่ติดขัดบริเวณหน้าด่านเก็บค่าผ่านทางเป็นปัญหาที่ผู้ใช้รถใช้ถนนต้องเผชิญมาอย่างยาวนาน แต่ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในปัจจุบัน ทำให้เกิดนวัตกรรมใหม่อย่าง M-Flow ที่มาช่วยอำนวยความสะดวกและแก้ไขปัญหาดังกล่าว บทความนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับ M-Flow กันอย่างละเอียด พร้อมวิธีการสมัครและชำระเงินแบบง่ายๆ ที่คุณควรรู้

 

ทำความรู้จัก M-Flow คืออะไร 

M-Flow คือระบบจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางอัตโนมัติแบบไม่มีไม้กั้น ที่นำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการตรวจจับป้ายทะเบียนรถและระบุตัวตนผู้ใช้ทางโดยอัตโนมัติ ทำให้รถสามารถวิ่งผ่านด่านได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องหยุดหรือชะลอความเร็ว

ระบบนี้ใช้เทคโนโลยี Video Tolling ร่วมกับระบบตรวจจับยานพาหนะอัตโนมัติ (AVC) และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการทำงาน สามารถรองรับความเร็วของรถได้ถึง 120 กม./ชม. ช่วยให้การระบายรถผ่านด่านเร็วขึ้นถึง 5 เท่าเมื่อเทียบกับระบบเดิม

ประโยชน์ของระบบ M-Flow

  1. ผ่านด่านได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องหยุดหรือชะลอรถ
  2. ลดเวลาในการเดินทาง และบรรเทาปัญหารถติดหน้าด่าน
  3. ระบบวิ่งก่อนจ่ายทีหลัง (Postpaid) เพิ่มความสะดวกสบาย
  4. ปลอดภัย ลดการใช้เงินสดและการสัมผัส ช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรค
  5. รองรับรถยนต์ทุกประเภทที่ได้รับอนุญาตให้วิ่งบนทางด่วน

 

M-Flow ต่างจาก Easy Pass/M Pass อย่างไร?

แม้ว่า M-Flow และ Easy Pass/M Pass จะเป็นระบบชำระค่าผ่านทางอัตโนมัติเหมือนกัน แต่มีความแตกต่างที่สำคัญ ดังนี้

  1. M-Flow ไม่ต้องติดอุปกรณ์พิเศษที่รถ ใช้เพียงการลงทะเบียนป้ายทะเบียน
  2. M-Flow ไม่มีไม้กั้น ทำให้ผ่านด่านได้เร็วกว่า
  3. M-Flow ใช้ระบบวิ่งก่อนจ่ายทีหลัง ไม่ต้องเติมเงินล่วงหน้า
  4. M-Flow รองรับความเร็วในการผ่านด่านได้สูงกว่า

 

ขั้นตอนการสมัคร M-Flow

การสมัครใช้งาน M-Flow สามารถทำได้ง่ายๆ ผ่าน 3 ช่องทางหลัก โดยแต่ละช่องทางมีขั้นตอน ดังนี้

  1. เว็บไซต์ www.mflowthai.com :  เข้าสู่เว็บไซต์และคลิกที่ปุ่ม "สมัครสมาชิก" เลือกประเภทการสมัคร (บุคคลธรรมดา, นิติบุคคล, ชาวต่างชาติ) และกรอกข้อมูลส่วนตัวให้ครบถ้วน พร้อมทั้งระบุข้อมูลรถยนต์ที่ต้องการลงทะเบียน และอัพโหลดเอกสารประกอบ เช่น สำเนาบัตรประชาชน, สำเนาทะเบียนรถ จากนั้นตั้งรหัสผ่านสำหรับเข้าใช้งานระบบ ยอมรับข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้บริการ ยืนยันการสมัครและรอการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่
  2. แอปพลิเคชัน MFlowThai (ทั้งระบบ iOS และ Android) : ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน MFlowThai จาก App Store หรือ Google Play Store เปิดแอปและเลือก "สมัครสมาชิกใหม่" ทำตามขั้นตอนการสมัครในแอป ซึ่งคล้ายกับการสมัครผ่านเว็บไซต์ ใช้กล้องโทรศัพท์ถ่ายรูปเอกสารประกอบเพื่ออัพโหลด และยืนยันการสมัครและรอการตรวจสอบ
  3. จุดบริการ 5 แห่ง : เตรียมเอกสารประกอบการสมัคร เช่น บัตรประชาชน, ทะเบียนรถ เพื่อเดินทางไปยังจุดบริการที่สะดวก จาก 5 แห่ง ได้แก่ ด่านทับช้าง 1 และ 2 (ขาเข้าและขาออก), สถานที่บริการทางหลวงบางประกง 1 และ 2 (ขาออกและขาเข้า) และกรมทางหลวง (พระราม 6)

หลังจากสมัครเรียบร้อยแล้ว ระบบจะใช้เวลาประมาณ 1-2 วันทำการในการตรวจสอบและอนุมัติ เมื่อได้รับการอนุมัติ คุณจะสามารถเริ่มใช้งานระบบ M-Flow ได้ทันที

 

วิธีการเติมเงินชำระช่องทางพิเศษ M Flow

เมื่อสมัครและได้รับการอนุมัติแล้ว คุณสามารถเติมเงินเพื่อชำระค่าผ่านทางได้หลายวิธี เช่น

  1. บัตรเครดิต/เดบิต : ผูกบัตรกับบัญชี M-Flow เพื่อหักค่าบริการอัตโนมัติ
  2. Mobile Banking : โอนเงินผ่านแอปธนาคารของคุณ
  3. เคาน์เตอร์เซอร์วิส : ชำระเงินที่ร้านสะดวกซื้อที่ร่วมรายการ
  4. ตู้ ATM : เลือกเมนูเติมเงิน M-Flow ที่ตู้ ATM ของธนาคารที่ร่วมบริการ
  5. Internet Banking : โอนเงินผ่านเว็บไซต์ธนาคารของคุณ

 

 

M-Flow แอปที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล

แอปพลิเคชัน M-Flow ไม่เพียงแต่ช่วยในการชำระค่าผ่านทาง แต่ยังมีฟีเจอร์อื่นๆ ที่ตอบโจทย์การใช้งานในยุคดิจิทัล เช่น

  • ตรวจสอบยอดค่าผ่านทางและประวัติการใช้งาน
  • แจ้งเตือนเมื่อมีการใช้งานหรือยอดค้างชำระ
  • วางแผนเส้นทางและคำนวณค่าผ่านทางล่วงหน้า
  • รับข่าวสารและโปรโมชันพิเศษ

การใช้งาน M-Flow ผ่านแอปพลิเคชันช่วยให้คุณจัดการค่าใช้จ่ายในการเดินทางได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถตรวจสอบและควบคุมค่าใช้จ่ายได้ง่าย รวมถึงได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการเดินทาง

 

สรุปบทความ

M-Flow เป็นนวัตกรรมใหม่ในการชำระค่าผ่านทางที่ช่วยอำนวยความสะดวกและประหยัดเวลาในการเดินทาง ด้วยระบบที่ทันสมัยและการใช้งานที่ง่าย M-Flow จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้รถใช้ถนนในยุคปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม แม้ว่า M-Flow จะช่วยให้การเดินทางสะดวกขึ้น แต่ความปลอดภัยบนท้องถนนก็ยังเป็นสิ่งสำคัญ การทำประกันรถยนต์ชั้น 1 จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้คุณเดินทางได้อย่างอุ่นใจมากขึ้น 


TIPINSURE มีแผนประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่ครอบคลุมความเสี่ยงต่างๆ บนท้องถนน ให้คุณมั่นใจได้ว่าจะได้รับการดูแลอย่างดีเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ทั้งนี้ คุณสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนประกันได้ที่เว็บไซต์ของ TIPINSURE เพื่อเลือกความคุ้มครองที่เหมาะกับความต้องการของคุณ

#Tag: