รวมครบ เส้นทางขั้นทางด่วนในไทย คู่มือฉบับมือใหม่หัดขับในเมือง
20 สิงหาคม 2024
ผู้ชม: 8682 คน

รวมเส้นทางด่วนในไทย สำหรับมือใหม่หัดขับรถในเมือง

ทางด่วนเป็นเส้นทางสำคัญที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางสำหรับผู้ขับขี่ในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยช่วยลดเวลาในการเดินทาง บรรเทาปัญหาการจราจรติดขัด และเพิ่มความคล่องตัวในการสัญจร แต่สำหรับผู้ขับขี่มือใหม่ การใช้ทางด่วนอาจเป็นประสบการณ์ที่ท้าทายและสร้างความกังวลได้ไม่น้อย ทั้งเรื่องของความเร็วในการขับขี่ การเปลี่ยนช่องทาง หรือการหาทางขึ้น-ลงที่ถูกต้อง แต่หมดห่วงได้เลย ในบทความนี้ เราจะรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเส้นทางด่วนสำคัญในประเทศไทย พร้อมคำแนะนำสำหรับมือใหม่ในการใช้ทางด่วนอย่างปลอดภัยมาฝากกัน

 

เตรียมพร้อมก่อนขึ้นทางด่วน

การเตรียมความพร้อมก่อนขึ้นทางด่วนเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การเดินทางของคุณราบรื่นและปลอดภัย โดยเฉพาะสำหรับผู้ขับขี่มือใหม่ ควรเตรียมความพร้อม ดังนี้

  1. ศึกษาเส้นทางล่วงหน้า โดยตรวจสอบแผนที่และทำความเข้าใจจุดขึ้น-ลงทางด่วนที่ต้องใช้
  2. ตรวจสอบสภาพรถ ให้แน่ใจว่ารถอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน โดยเฉพาะระบบเบรกและยาง
  3. เตรียมค่าผ่านทางให้พร้อม ไม่ว่าจะเป็น เงินสดหรือบัตร Easy Pass 
  4. ตั้งสติและเตรียมใจ เพราะการขับรถบนทางด่วนอาจมีความเร็วและความกดดันกว่าถนนปกติ

 

เส้นทางขึ้นทางด่วนสำคัญของประเทศไทย

ประเทศไทยมีทางด่วนหลายเส้นทางที่เชื่อมต่อพื้นที่สำคัญต่างๆ ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมถึงจังหวัดใกล้เคียง ต่อไปนี้เป็นรายละเอียดของทางด่วนสายหลักที่คุณควรรู้

1. ทางพิเศษเฉลิมมหานคร (ทางด่วนสายสีเขียว)

ทางพิเศษเฉลิมมหานคร หรือที่รู้จักกันในชื่อ "ทางด่วนขั้นที่ 1" เป็นทางด่วนสายแรกของประเทศไทย เปิดให้บริการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2524 ประกอบด้วย 3 เส้นทางหลัก

  1. สายดินแดง-ท่าเรือ (8.9 กม.) : เริ่มจากปลายถนนวิภาวดีรังสิต ผ่านทางแยกต่างระดับมักกะสัน สิ้นสุดที่ท่าเรือคลองเตย มีด่านเก็บค่าผ่านทาง 6 ด่าน ได้แก่ ดินแดง, เพชรบุรี, สุขุมวิท, พระรามสี่ 1, เลียบแม่น้ำ และท่าเรือ 1
  2. สายบางนา-ท่าเรือ (7.9 กม.) : เริ่มจากทางแยกต่างระดับบางนา ผ่านจุดตัดทางพิเศษฉลองรัชที่ทางแยกต่างระดับสุขุมวิท สิ้นสุดที่ท่าเรือคลองเตย มีด่านเก็บค่าผ่านทาง 4 ด่าน ได้แก่ ท่าเรือ 2, อาจณรงค์, สุขุมวิท 62 และบางนา
  3. สายดาวคะนอง-ท่าเรือ (10.3 กม.) : เริ่มจากทางแยกต่างระดับท่าเรือ ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาที่สะพานพระราม 9 สิ้นสุดที่ถนนพระรามที่ 2 มีด่านเก็บค่าผ่านทาง 5 ด่าน ได้แก่ สาธุประดิษฐ์ 1, สาธุประดิษฐ์ 2, พระราม 3, สุขสวัสดิ์ และดาวคะนอง

ทางพิเศษเฉลิมมหานครเป็นเส้นทางที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางระหว่างเขตชั้นในของกรุงเทพฯ กับพื้นที่ชานเมืองฝั่งตะวันออก รวมถึงการเดินทางไปยังท่าเรือคลองเตยและสนามบินสุวรรณภูมิ

2. ทางพิเศษศรีรัช (ทางด่วนสายสีน้ำเงิน)

ทางพิเศษศรีรัช หรือ "ทางด่วนขั้นที่ 2" มีความยาวรวม 38.4 กิโลเมตร แบ่งเป็น 4 ส่วน

  1. ส่วน A (12.4 กม.) : เริ่มจากถนนรัชดาภิเษก ผ่านทางแยกต่างระดับพญาไท (โรงกรองน้ำสามเสน) สิ้นสุดที่ถนนพระราม 9
  2. ส่วน B (9.4 กม.) : เชื่อมต่อกับส่วน A ที่ทางแยกต่างระดับพญาไท มุ่งไปทางทิศใต้ ผ่านถนนศรีอยุธยาเชื่อมต่อกับทางพิเศษเฉลิมมหานครที่บริเวณต่างระดับบางโคล่
  3. ส่วน C (8 กม.) : เชื่อมต่อกับส่วน A บริเวณถนนรัชดาภิเษก ผ่านถนนประชาชื่น มุ่งไปทางทิศเหนือ สิ้นสุดที่ถนนแจ้งวัฒนะ และเชื่อมต่อกับทางพิเศษอุดรรัถยา
  4. ส่วน D (8.6 กม.) : เริ่มจากถนนพระราม 9 ไปทางทิศตะวันออก ตัดกับทางพิเศษเฉลิมมหานครที่ทางแยกต่างระดับมักกะสัน ตัดกับทางพิเศษฉลองรัชที่ทางแยกต่างระดับพระราม 9 สิ้นสุดที่ถนนศรีนครินทร์ บริเวณทางแยกต่างระดับศรีนครินทร์

ทางพิเศษศรีรัชเป็นเส้นทางที่ช่วยลดปัญหาการจราจรในเขตกรุงเทพฯ ชั้นใน และเชื่อมต่อกับทางด่วนสายอื่นๆ ได้อย่างสะดวก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางระหว่างพื้นที่ชั้นในของกรุงเทพฯ กับพื้นที่ชานเมืองทางทิศเหนือและตะวันออก

3. ทางพิเศษฉลองรัช (ทางด่วนสายสีม่วง)

ทางพิเศษฉลองรัช มีระยะทางรวม 28.2 กิโลเมตร ประกอบด้วย 2 เส้นทางหลัก

  1. สายรามอินทรา-วงแหวนรอบนอก (9.5 กม.) : เริ่มจากถนนกาญจนาภิเษก ด้านตะวันออก มุ่งไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ข้ามถนนสุขาภิบาล 5 และถนนนิมิตใหม่ สิ้นสุดที่ถนนรามอินทรา มีด่านเก็บค่าผ่านทาง 4 ด่าน
  2. สายรามอินทรา-อาจณรงค์ (18.7 กม.) : เริ่มจากถนนรามอินทรา มุ่งไปทางทิศใต้ ข้ามถนนลาดพร้าว ถนนประชาอุทิศ ถนนพระราม 9 ตัดกับทางพิเศษศรีรัช ส่วน D ข้ามถนนรามคำแหง และถนนพัฒนาการ เลียบแนวคลองตัน ข้ามถนนสุขุมวิท สิ้นสุดที่บริเวณอาจณรงค์ (ปลายซอยสุขุมวิท 50) มีด่านเก็บค่าผ่านทาง 10 ด่าน

ทางพิเศษฉลองรัชเป็นเส้นทางที่เชื่อมต่อพื้นที่ฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ กับเขตชั้นใน ช่วยลดปัญหาการจราจรบนถนนรามอินทราและพื้นที่ใกล้เคียง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางจากเขตชานเมืองทางตะวันออกเฉียงเหนือเข้าสู่ใจกลางเมือง

4. ทางพิเศษบูรพาวิถี (ทางด่วนสายสีฟ้า)

ทางพิเศษบูรพาวิถี หรือ "ทางด่วนสาย 4" มีระยะทาง 55 กิโลเมตร เชื่อมต่อกรุงเทพฯ กับจังหวัดชลบุรี ตั้งอยู่บนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 34 โดยทางพิเศษบูรพาวิถี เป็นเส้นทางสำคัญสำหรับการเดินทางไปยังภาคตะวันออก สนามบินสุวรรณภูมิ และแหล่งท่องเที่ยวชายทะเลยอดนิยม เช่น พัทยา บางแสน เป็นต้น ซึ่งมีการใช้ระบบเก็บเงินแบบปิด (ระบบเก็บเงินตามระยะทาง) โดยรถที่จะขึ้นทางด่วนต้องรับบัตรที่ด่านทางเข้า และคืนบัตรพร้อมจ่ายเงินที่ด่านทางออก

5. ทางพิเศษอุดรรัถยา (ทางด่วนสายสีส้ม)

ทางพิเศษอุดรรัถยา หรือ "ทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด" มีระยะทาง 32 กิโลเมตร มีลักษณะสำคัญ ดังนี้

  • เริ่มต้นจากจุดเชื่อมต่อกับทางพิเศษศรีรัชส่วน C บริเวณถนนแจ้งวัฒนะ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี
  • เป็นทางยกระดับมุ่งไปทางทิศเหนือ ผ่านเมืองทองธานี
  • เข้าสู่จังหวัดปทุมธานี ตัดกับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 346
  • ลดระดับเป็นทางราบมีรั้วกั้นตลอดในช่วงอำเภอสามโคก
  • มีทางแยกไปเชื่อมกับถนนทางเข้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต
  • สิ้นสุดที่อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา บริเวณกิโลเมตรที่ 79 ของถนนกาญจนาภิเษก

ทางพิเศษอุดรรัถยาเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางไปยังจังหวัดทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมถึงผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงการจราจรหนาแน่นในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล

 

สรุปบทความ

การใช้ทางด่วนอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยเป็นทักษะสำคัญสำหรับผู้ขับขี่ในเมืองใหญ่ การทำความเข้าใจเส้นทางต่างๆ และการเตรียมตัวให้พร้อมก่อนขึ้นทางด่วนจะช่วยให้การเดินทางของคุณราบรื่นและปลอดภัยยิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือผู้ขับขี่ที่มีประสบการณ์ การขับขี่บนทางด่วนอาจมีความเสี่ยงสูงกว่าถนนทั่วไป ดังนั้น การทำประกันรถยนต์ชั้น 1 จึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าจะได้รับความคุ้มครองที่ครอบคลุมในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ

#Tag: