โดนขโมย โจรขึ้นบ้านต้องทำยังไงดี?
15 พฤศจิกายน 2024
ผู้ชม: 237 คน

5 สิ่งที่ควรทำเมื่อโจรขึ้นบ้าน

การเผชิญกับสถานการณ์โจรขึ้นบ้านเป็นประสบการณ์ที่น่าหวาดกลัวและสร้างความเครียดอย่างมาก แต่การรู้วิธีรับมือที่ถูกต้องจะช่วยให้คุณจัดการกับสถานการณ์ได้ดีขึ้น บทความนี้ TIPINSURE จะแนะนำ 5 สิ่งสำคัญที่คุณควรทำเมื่อพบว่ามีโจรขึ้นบ้าน พร้อมทั้งวิธีป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ในอนาคต

 

1.ตั้งสติให้ดี

เมื่อพบว่ามีโจรขึ้นบ้าน สิ่งแรกที่สำคัญที่สุดคือการตั้งสติ แม้จะเป็นเรื่องยาก แต่การควบคุมอารมณ์และความคิดจะช่วยให้คุณจัดการกับสถานการณ์ได้ดีขึ้น ต่อไปนี้คือวิธีที่จะช่วยให้คุณตั้งสติได้

  1. หายใจลึกๆ: ใช้เทคนิคการหายใจเพื่อช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวล ลองหายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ นับ 1 ถึง 4 แล้วหายใจออกช้าๆ นับ 1 ถึง 4 เช่นกัน ทำซ้ำประมาณ 5-10 ครั้ง
  2. ประเมินสถานการณ์: มองรอบๆ ตัวและประเมินว่าคุณปลอดภัยหรือไม่ ตรวจสอบว่าโจรยังอยู่ในบ้านหรือไม่ และมีใครบาดเจ็บหรือเปล่า
  3. อย่าตัดสินใจอย่างรีบร้อน: แม้จะรู้สึกตื่นตระหนก แต่พยายามอย่าทำอะไรโดยไม่คิด เช่น การไล่ตามโจรหรือเข้าไปในบ้านทันทีหากคุณไม่แน่ใจว่าปลอดภัย
  4. คิดถึงขั้นตอนต่อไป: เมื่อสติกลับมา ให้คิดถึงสิ่งที่ต้องทำต่อไป เช่น การแจ้งตำรวจ หรือการตรวจสอบความเสียหาย
  5. พูดคุยกับคนรอบข้าง: หากมีคนอื่นอยู่กับคุณ ให้พูดคุยกันเพื่อช่วยกันคิดและตัดสินใจ การแบ่งปันความรู้สึกก็อาจช่วยลดความเครียดได้

การตั้งสติเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการรับมือกับสถานการณ์โจรขึ้นบ้าน เมื่อคุณสามารถควบคุมอารมณ์และความคิดได้ คุณจะสามารถดำเนินการขั้นต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

2.เก็บหลักฐานให้ครบ

หลังจากตั้งสติได้แล้ว สิ่งสำคัญต่อมาคือการเก็บหลักฐานให้ครบถ้วน หลักฐานเหล่านี้จะมีประโยชน์อย่างมากในการสืบสวนของตำรวจและการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกัน ต่อไปนี้คือสิ่งที่คุณควรทำเพื่อเก็บหลักฐาน

  1. อย่าแตะต้องสิ่งของ: พยายามไม่สัมผัสหรือเคลื่อนย้ายสิ่งของใดๆ ในบริเวณที่โจรเข้ามา เพื่อรักษารอยนิ้วมือหรือหลักฐานอื่นๆ ที่โจรอาจทิ้งไว้
  2. จดบันทึกรายละเอียด: เขียนรายละเอียดทุกอย่างที่คุณสังเกตเห็น เช่น เวลาที่คุณพบว่ามีการโจรกรรม สิ่งของที่หายไป หรือความเสียหายที่เกิดขึ้น
  3. ทำรายการสิ่งของที่หาย: จัดทำรายการสิ่งของที่ถูกขโมยไป โดยระบุรายละเอียดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เช่น ยี่ห้อ รุ่น หมายเลขประจำเครื่อง (ถ้ามี) และราคาโดยประมาณ
  4. เก็บใบเสร็จหรือเอกสารยืนยันความเป็นเจ้าของ: หากมีใบเสร็จหรือเอกสารที่แสดงความเป็นเจ้าของของสิ่งของที่ถูกขโมย ให้รวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
  5. สังเกตร่องรอยการงัดแงะ: มองหาร่องรอยการงัดแงะบริเวณประตู หน้าต่าง หรือจุดที่โจรอาจใช้เป็นทางเข้า
  6. สอบถามเพื่อนบ้าน: ถามเพื่อนบ้านว่าได้เห็นหรือได้ยินอะไรผิดปกติหรือไม่ บันทึกข้อมูลที่ได้รับไว้
  7. เก็บภาพจากกล้องวงจรปิด: หากมีกล้องวงจรปิดในบริเวณบ้านหรือละแวกใกล้เคียง ให้ตรวจสอบและบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน

การเก็บหลักฐานอย่างละเอียดและครบถ้วนจะช่วยเพิ่มโอกาสในการจับกุมคนร้ายและการได้รับค่าชดเชยจากบริษัทประกัน หากคุณมีประกันภัยโจรกรรม การมีหลักฐานที่ดีจะช่วยให้กระบวนการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนเป็นไปอย่างราบรื่น

 

3.ถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน

การถ่ายรูปเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการเก็บหลักฐานเมื่อเกิดเหตุโจรขึ้นบ้าน ภาพถ่ายจะช่วยบันทึกสภาพของสถานที่เกิดเหตุและความเสียหายที่เกิดขึ้นได้อย่างละเอียด ซึ่งจะเป็นประโยชน์ทั้งในการสืบสวนของตำรวจและการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกัน 

  1. ถ่ายภาพรวมของสถานที่: เริ่มจากการถ่ายภาพรวมของบริเวณที่เกิดเหตุ ทั้งภายนอกและภายในบ้าน เพื่อให้เห็นภาพรวมของสถานการณ์
  2. ถ่ายจุดที่โจรเข้ามา: ถ่ายภาพประตู หน้าต่าง หรือจุดอื่นๆ ที่โจรใช้เป็นทางเข้า โดยเน้นที่ร่องรอยการงัดแงะหรือความเสียหาย
  3. ถ่ายความเสียหายที่เกิดขึ้น: บันทึกภาพความเสียหายทุกอย่างที่เกิดขึ้น เช่น ประตูที่ถูกทำลาย ตู้ที่ถูกงัดแงะ หรือข้าวของที่ถูกทำให้เสียหาย
  4. ถ่ายรอยเท้าหรือรอยนิ้วมือ: หากพบรอยเท้าหรือรอยนิ้วมือที่ชัดเจน ให้ถ่ายภาพไว้โดยวางไม้บรรทัดหรือวัตถุอื่นเพื่อแสดงขนาด
  5. ถ่ายสิ่งของที่โจรทิ้งไว้: หากพบสิ่งของที่ไม่ใช่ของคุณและคาดว่าโจรอาจทิ้งไว้ ให้ถ่ายภาพไว้โดยไม่เคลื่อนย้าย
  6. ถ่ายตำแหน่งของสิ่งของมีค่า: ถ่ายภาพตำแหน่งที่เคยเก็บสิ่งของมีค่าที่ถูกขโมยไป
  7. ใช้แสงไฟที่เพียงพอ: ตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีแสงสว่างเพียงพอในการถ่ายภาพ ใช้แฟลชหากจำเป็น
  8. ถ่ายภาพจากหลายมุม: ถ่ายภาพจากหลายๆ มุมเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนที่สุด
  9. ถ่ายภาพป้ายทะเบียนหรือกล้องวงจรปิด: หากมีรถยนต์ที่น่าสงสัยจอดอยู่ใกล้บ้าน หรือมีกล้องวงจรปิดในละแวกนั้น ให้ถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐาน
  10. บันทึกวันที่และเวลา: ตรวจสอบให้แน่ใจว่ากล้องของคุณตั้งวันที่และเวลาถูกต้อง หรือจดบันทึกวันที่และเวลาที่ถ่ายภาพไว้

การถ่ายรูปอย่างละเอียดและครอบคลุมจะช่วยให้คุณมีหลักฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการดำเนินการต่อไป ทั้งการแจ้งความกับตำรวจและการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกัน หากคุณมีประกันภัยบ้าน ภาพถ่ายเหล่านี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากในการประเมินความเสียหายและกำหนดมูลค่าการชดเชย

 

4.รีบแจ้งความกับตำรวจ

หลังจากที่คุณได้ตั้งสติและเก็บหลักฐานเบื้องต้นแล้ว ขั้นตอนต่อไปที่สำคัญมากคือการแจ้งความกับตำรวจ การแจ้งความโดยเร็วจะยิ่งเพิ่มโอกาสในการจับกุมคนร้ายและอาจช่วยให้ได้ทรัพย์สินที่ถูกขโมยคืน นี่คือสิ่งที่คุณควรทำเมื่อแจ้งความ

  1. โทรแจ้งตำรวจทันที: โทรไปที่สถานีตำรวจท้องที่หรือหมายเลขฉุกเฉิน 191 เพื่อรายงานเหตุการณ์
  2. ให้ข้อมูลที่จำเป็น: แจ้งชื่อ ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์ของคุณ รวมถึงรายละเอียดของเหตุการณ์ เช่น เวลาที่คาดว่าเกิดเหตุ และสิ่งของที่ถูกขโมย
  3. ถามเกี่ยวกับการส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ: สอบถามว่าตำรวจจะส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุหรือไม่ และควรทำอย่างไรในระหว่างรอ
  4. จดบันทึกรายละเอียดการแจ้งความ: จดชื่อเจ้าหน้าที่ที่รับแจ้ง หมายเลขคดี และคำแนะนำที่ได้รับ
  5. เตรียมพร้อมสำหรับการสัมภาษณ์: เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะมาสอบสวน
  6. ให้ความร่วมมือกับการสืบสวน: ให้ข้อมูลทั้งหมดที่คุณมีแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมถึงภาพถ่ายและรายการสิ่งของที่สูญหาย
  7. ขอสำเนาบันทึกประจำวัน: หลังจากให้ปากคำเสร็จ ขอสำเนาบันทึกประจำวันจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ เอกสารนี้จะเป็นประโยชน์ในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกัน
  8. ติดตามความคืบหน้าของคดี: สอบถามเกี่ยวกับขั้นตอนต่อไปและวิธีการติดตามความคืบหน้าของคดี
  9. แจ้งข้อมูลเพิ่มเติม: หากคุณนึกถึงข้อมูลสำคัญเพิ่มเติมหลังจากแจ้งความแล้ว ให้ติดต่อกลับไปยังเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบคดีของคุณ
  10. พิจารณาการติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติม: หารือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเกี่ยวกับวิธีป้องกันการเกิดเหตุซ้ำในอนาคต

การแจ้งความกับตำรวจไม่เพียงแต่เป็นการดำเนินการทางกฎหมายเท่านั้น แต่ยังเป็นขั้นตอนสำคัญในการป้องกันทรัพย์สินของคุณและชุมชนโดยรวม นอกจากนี้ รายงานตำรวจยังเป็นเอกสารสำคัญที่คุณจะต้องใช้เมื่อต้องการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัยด้วย

 

5.โทรแจ้งประกัน

หากคุณมีกรมธรรม์ประกันภัยที่ครอบคลุมการโจรกรรม ขั้นตอนต่อไปคือการติดต่อบริษัทประกันของคุณ การแจ้งเหตุกับบริษัทประกันโดยเร็วจะช่วยให้กระบวนการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็ว 

  1. ติดต่อบริษัทประกันโดยเร็ว: โทรแจ้งบริษัทประกันทันทีที่คุณแจ้งความกับตำรวจเรียบร้อยแล้ว บางบริษัทอาจมีระยะเวลาจำกัดในการแจ้งเหตุ
  2. เตรียมข้อมูลกรมธรรม์: มีหมายเลขกรมธรรม์และรายละเอียดความคุ้มครองให้พร้อมเมื่อโทรไป
  3. ให้ข้อมูลเบื้องต้น: แจ้งรายละเอียดของเหตุการณ์ วันและเวลาที่เกิดเหตุ และรายการทรัพย์สินที่สูญหายหรือเสียหาย
  4. สอบถามขั้นตอนการเรียกร้องค่าสินไหม: ขอคำแนะนำเกี่ยวกับขั้นตอนการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน และเอกสารที่จำเป็นต้องใช้
  5. ถามเกี่ยวกับการส่งผู้ประเมิน: สอบถามว่าบริษัทประกันจะส่งผู้ประเมินมาตรวจสอบความเสียหายหรือไม่ และเมื่อไหร่
  6. จดบันทึกการสนทนา: จดชื่อพนักงานที่คุณคุยด้วย วันและเวลาที่โทร และสรุปสิ่งที่ได้พูดคุยกัน
  7. ขอหมายเลขการเรียกร้อง: ขอหมายเลขการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน (Claim Number) เพื่อใช้อ้างอิงในการติดตามเรื่องต่อไป
  8. ส่งเอกสารที่จำเป็น: จัดเตรียมและส่งเอกสารที่บริษัทประกันร้องขอ เช่น รายการทรัพย์สินที่สูญหาย ภาพถ่ายความเสียหาย และสำเนาบันทึกประจำวันของตำรวจ
  9. ติดตามความคืบหน้า: หากไม่ได้รับการติดต่อกลับภายในระยะเวลาที่กำหนด ให้ติดต่อบริษัทประกันเพื่อติดตามความคืบหน้า
  10. เก็บบันทึกทุกการติดต่อ: เก็บบันทึกทุกครั้งที่มีการติดต่อกับบริษัทประกัน รวมถึงอีเมลและจดหมายที่เกี่ยวข้อง

การมีประกันภัยที่ครอบคลุมการโจรกรรมจะช่วยบรรเทาความเสียหายทางการเงินที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์โจรขึ้นบ้าน อย่างไรก็ตาม การเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนอาจเป็นกระบวนการที่ใช้เวลา ดังนั้นการเตรียมพร้อมและให้ความร่วมมือกับบริษัทประกันอย่างเต็มที่จะช่วยให้กระบวนการนี้ราบรื่นยิ่งขึ้น

 

รวมวิธีป้องกันไม่ให้โจรขึ้นบ้าน

การป้องกันย่อมดีกว่าการแก้ไข โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงความปลอดภัยของบ้านและทรัพย์สิน ต่อไปนี้คือวิธีป้องกันไม่ให้เกิดเหตุขโมยขึ้นบ้านอีก 

1.ติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัย

  • ติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV) รอบบ้าน
  • ใช้ระบบสัญญาณกันขโมยที่เชื่อมต่อกับศูนย์รักษาความปลอดภัย
  • ติดตั้งไฟส่องสว่างแบบเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว

2.เสริมความแข็งแรงของประตูและหน้าต่าง

  • ใช้ล็อคที่มีคุณภาพสูงสำหรับประตูและหน้าต่าง
  • ติดตั้งโซ่คล้องประตูหรือแท่งเหล็กกั้นหน้าต่าง
  • พิจารณาใช้กระจกนิรภัยหรือฟิล์มกันกระจกแตก

3.สร้างภาพลักษณ์ว่ามีคนอยู่บ้านเสมอ

  • ใช้ตั้งเวลาเปิด-ปิดไฟอัตโนมัติเมื่อไม่อยู่บ้าน
  • ขอให้เพื่อนบ้านช่วยเก็บจดหมายหรือหนังสือพิมพ์เมื่อคุณไม่อยู่
  • หลีกเลี่ยงการโพสต์ในโซเชียลมีเดียว่าคุณไม่อยู่บ้าน

4.จัดการพื้นที่รอบบ้าน

  • ตัดแต่งพุ่มไม้และต้นไม้ไม่ให้บดบังมุมมอง
  • เก็บเครื่องมือและบันไดไว้ในที่ปลอดภัย ไม่วางไว้นอกบ้าน
  • ติดตั้งรั้วและประตูรั้วที่แข็งแรง

5.เก็บของมีค่าอย่างปลอดภัย

  • ใช้ตู้นิรภัยสำหรับเก็บเอกสารสำคัญและของมีค่า
  • พิจารณาใช้บริการตู้นิรภัยของธนาคารสำหรับของมีค่าที่ไม่ได้ใช้บ่อย
  • ไม่เก็บเงินสดจำนวนมากไว้ในบ้าน

6.ใช้เทคโนโลยีสมาร์ทโฮม

  • ติดตั้งกริ่งประตูอัจฉริยะที่มีกล้อง
  • ใช้ระบบควบคุมไฟและเครื่องใช้ไฟฟ้าผ่านสมาร์ทโฟน
  • ติดตั้งล็อคประตูอัจฉริยะที่สามารถควบคุมผ่านแอพพลิเคชั่น

7.ทำประกันภัย

  • ทำประกันภัยบ้านที่ครอบคลุมการโจรกรรม
  • พิจารณาทำประกันภัยโจรกรรมเพิ่มเติมสำหรับทรัพย์สินมีค่า

 

 

สรุปบทความ

ความปลอดภัยของบ้านและครอบครัวเป็นสิ่งที่ต้องใส่ใจอยู่เสมอ การผสมผสานมาตรการรักษาความปลอดภัยที่หลากหลาย ร่วมกับความระมัดระวังและการมีส่วนร่วมของชุมชน จะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและลดความเสี่ยงในการตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมได้ดียิ่งขึ้น แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการเตรียมพร้อมและป้องกันไว้ก่อน ด้วยความคุ้มครองจากประกันภัยโจรกรรม จากทิพยประกันภัย คุณสามารถก้าวเดินในชีวิตประจำวันได้อย่างมั่นใจ โดยไม่ต้องหวั่นวิตกกับภัยที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด

#Tag: