5 สิ่งที่ควรทำเมื่อโจรขึ้นบ้าน
การเผชิญกับสถานการณ์โจรขึ้นบ้านเป็นประสบการณ์ที่น่าหวาดกลัวและสร้างความเครียดอย่างมาก แต่การรู้วิธีรับมือที่ถูกต้องจะช่วยให้คุณจัดการกับสถานการณ์ได้ดีขึ้น บทความนี้ TIPINSURE จะแนะนำ 5 สิ่งสำคัญที่คุณควรทำเมื่อพบว่ามีโจรขึ้นบ้าน พร้อมทั้งวิธีป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ในอนาคต
1.ตั้งสติให้ดี
เมื่อพบว่ามีโจรขึ้นบ้าน สิ่งแรกที่สำคัญที่สุดคือการตั้งสติ แม้จะเป็นเรื่องยาก แต่การควบคุมอารมณ์และความคิดจะช่วยให้คุณจัดการกับสถานการณ์ได้ดีขึ้น ต่อไปนี้คือวิธีที่จะช่วยให้คุณตั้งสติได้
- หายใจลึกๆ: ใช้เทคนิคการหายใจเพื่อช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวล ลองหายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ นับ 1 ถึง 4 แล้วหายใจออกช้าๆ นับ 1 ถึง 4 เช่นกัน ทำซ้ำประมาณ 5-10 ครั้ง
- ประเมินสถานการณ์: มองรอบๆ ตัวและประเมินว่าคุณปลอดภัยหรือไม่ ตรวจสอบว่าโจรยังอยู่ในบ้านหรือไม่ และมีใครบาดเจ็บหรือเปล่า
- อย่าตัดสินใจอย่างรีบร้อน: แม้จะรู้สึกตื่นตระหนก แต่พยายามอย่าทำอะไรโดยไม่คิด เช่น การไล่ตามโจรหรือเข้าไปในบ้านทันทีหากคุณไม่แน่ใจว่าปลอดภัย
- คิดถึงขั้นตอนต่อไป: เมื่อสติกลับมา ให้คิดถึงสิ่งที่ต้องทำต่อไป เช่น การแจ้งตำรวจ หรือการตรวจสอบความเสียหาย
- พูดคุยกับคนรอบข้าง: หากมีคนอื่นอยู่กับคุณ ให้พูดคุยกันเพื่อช่วยกันคิดและตัดสินใจ การแบ่งปันความรู้สึกก็อาจช่วยลดความเครียดได้
การตั้งสติเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการรับมือกับสถานการณ์โจรขึ้นบ้าน เมื่อคุณสามารถควบคุมอารมณ์และความคิดได้ คุณจะสามารถดำเนินการขั้นต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
2.เก็บหลักฐานให้ครบ
หลังจากตั้งสติได้แล้ว สิ่งสำคัญต่อมาคือการเก็บหลักฐานให้ครบถ้วน หลักฐานเหล่านี้จะมีประโยชน์อย่างมากในการสืบสวนของตำรวจและการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกัน ต่อไปนี้คือสิ่งที่คุณควรทำเพื่อเก็บหลักฐาน
- อย่าแตะต้องสิ่งของ: พยายามไม่สัมผัสหรือเคลื่อนย้ายสิ่งของใดๆ ในบริเวณที่โจรเข้ามา เพื่อรักษารอยนิ้วมือหรือหลักฐานอื่นๆ ที่โจรอาจทิ้งไว้
- จดบันทึกรายละเอียด: เขียนรายละเอียดทุกอย่างที่คุณสังเกตเห็น เช่น เวลาที่คุณพบว่ามีการโจรกรรม สิ่งของที่หายไป หรือความเสียหายที่เกิดขึ้น
- ทำรายการสิ่งของที่หาย: จัดทำรายการสิ่งของที่ถูกขโมยไป โดยระบุรายละเอียดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เช่น ยี่ห้อ รุ่น หมายเลขประจำเครื่อง (ถ้ามี) และราคาโดยประมาณ
- เก็บใบเสร็จหรือเอกสารยืนยันความเป็นเจ้าของ: หากมีใบเสร็จหรือเอกสารที่แสดงความเป็นเจ้าของของสิ่งของที่ถูกขโมย ให้รวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
- สังเกตร่องรอยการงัดแงะ: มองหาร่องรอยการงัดแงะบริเวณประตู หน้าต่าง หรือจุดที่โจรอาจใช้เป็นทางเข้า
- สอบถามเพื่อนบ้าน: ถามเพื่อนบ้านว่าได้เห็นหรือได้ยินอะไรผิดปกติหรือไม่ บันทึกข้อมูลที่ได้รับไว้
- เก็บภาพจากกล้องวงจรปิด: หากมีกล้องวงจรปิดในบริเวณบ้านหรือละแวกใกล้เคียง ให้ตรวจสอบและบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน
การเก็บหลักฐานอย่างละเอียดและครบถ้วนจะช่วยเพิ่มโอกาสในการจับกุมคนร้ายและการได้รับค่าชดเชยจากบริษัทประกัน หากคุณมีประกันภัยโจรกรรม การมีหลักฐานที่ดีจะช่วยให้กระบวนการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนเป็นไปอย่างราบรื่น
3.ถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน
การถ่ายรูปเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการเก็บหลักฐานเมื่อเกิดเหตุโจรขึ้นบ้าน ภาพถ่ายจะช่วยบันทึกสภาพของสถานที่เกิดเหตุและความเสียหายที่เกิดขึ้นได้อย่างละเอียด ซึ่งจะเป็นประโยชน์ทั้งในการสืบสวนของตำรวจและการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกัน
- ถ่ายภาพรวมของสถานที่: เริ่มจากการถ่ายภาพรวมของบริเวณที่เกิดเหตุ ทั้งภายนอกและภายในบ้าน เพื่อให้เห็นภาพรวมของสถานการณ์
- ถ่ายจุดที่โจรเข้ามา: ถ่ายภาพประตู หน้าต่าง หรือจุดอื่นๆ ที่โจรใช้เป็นทางเข้า โดยเน้นที่ร่องรอยการงัดแงะหรือความเสียหาย
- ถ่ายความเสียหายที่เกิดขึ้น: บันทึกภาพความเสียหายทุกอย่างที่เกิดขึ้น เช่น ประตูที่ถูกทำลาย ตู้ที่ถูกงัดแงะ หรือข้าวของที่ถูกทำให้เสียหาย
- ถ่ายรอยเท้าหรือรอยนิ้วมือ: หากพบรอยเท้าหรือรอยนิ้วมือที่ชัดเจน ให้ถ่ายภาพไว้โดยวางไม้บรรทัดหรือวัตถุอื่นเพื่อแสดงขนาด
- ถ่ายสิ่งของที่โจรทิ้งไว้: หากพบสิ่งของที่ไม่ใช่ของคุณและคาดว่าโจรอาจทิ้งไว้ ให้ถ่ายภาพไว้โดยไม่เคลื่อนย้าย
- ถ่ายตำแหน่งของสิ่งของมีค่า: ถ่ายภาพตำแหน่งที่เคยเก็บสิ่งของมีค่าที่ถูกขโมยไป
- ใช้แสงไฟที่เพียงพอ: ตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีแสงสว่างเพียงพอในการถ่ายภาพ ใช้แฟลชหากจำเป็น
- ถ่ายภาพจากหลายมุม: ถ่ายภาพจากหลายๆ มุมเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนที่สุด
- ถ่ายภาพป้ายทะเบียนหรือกล้องวงจรปิด: หากมีรถยนต์ที่น่าสงสัยจอดอยู่ใกล้บ้าน หรือมีกล้องวงจรปิดในละแวกนั้น ให้ถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐาน
- บันทึกวันที่และเวลา: ตรวจสอบให้แน่ใจว่ากล้องของคุณตั้งวันที่และเวลาถูกต้อง หรือจดบันทึกวันที่และเวลาที่ถ่ายภาพไว้
การถ่ายรูปอย่างละเอียดและครอบคลุมจะช่วยให้คุณมีหลักฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการดำเนินการต่อไป ทั้งการแจ้งความกับตำรวจและการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกัน หากคุณมีประกันภัยบ้าน ภาพถ่ายเหล่านี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากในการประเมินความเสียหายและกำหนดมูลค่าการชดเชย
4.รีบแจ้งความกับตำรวจ
หลังจากที่คุณได้ตั้งสติและเก็บหลักฐานเบื้องต้นแล้ว ขั้นตอนต่อไปที่สำคัญมากคือการแจ้งความกับตำรวจ การแจ้งความโดยเร็วจะยิ่งเพิ่มโอกาสในการจับกุมคนร้ายและอาจช่วยให้ได้ทรัพย์สินที่ถูกขโมยคืน นี่คือสิ่งที่คุณควรทำเมื่อแจ้งความ
- โทรแจ้งตำรวจทันที: โทรไปที่สถานีตำรวจท้องที่หรือหมายเลขฉุกเฉิน 191 เพื่อรายงานเหตุการณ์
- ให้ข้อมูลที่จำเป็น: แจ้งชื่อ ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์ของคุณ รวมถึงรายละเอียดของเหตุการณ์ เช่น เวลาที่คาดว่าเกิดเหตุ และสิ่งของที่ถูกขโมย
- ถามเกี่ยวกับการส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ: สอบถามว่าตำรวจจะส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุหรือไม่ และควรทำอย่างไรในระหว่างรอ
- จดบันทึกรายละเอียดการแจ้งความ: จดชื่อเจ้าหน้าที่ที่รับแจ้ง หมายเลขคดี และคำแนะนำที่ได้รับ
- เตรียมพร้อมสำหรับการสัมภาษณ์: เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะมาสอบสวน
- ให้ความร่วมมือกับการสืบสวน: ให้ข้อมูลทั้งหมดที่คุณมีแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมถึงภาพถ่ายและรายการสิ่งของที่สูญหาย
- ขอสำเนาบันทึกประจำวัน: หลังจากให้ปากคำเสร็จ ขอสำเนาบันทึกประจำวันจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ เอกสารนี้จะเป็นประโยชน์ในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกัน
- ติดตามความคืบหน้าของคดี: สอบถามเกี่ยวกับขั้นตอนต่อไปและวิธีการติดตามความคืบหน้าของคดี
- แจ้งข้อมูลเพิ่มเติม: หากคุณนึกถึงข้อมูลสำคัญเพิ่มเติมหลังจากแจ้งความแล้ว ให้ติดต่อกลับไปยังเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบคดีของคุณ
- พิจารณาการติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติม: หารือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเกี่ยวกับวิธีป้องกันการเกิดเหตุซ้ำในอนาคต
การแจ้งความกับตำรวจไม่เพียงแต่เป็นการดำเนินการทางกฎหมายเท่านั้น แต่ยังเป็นขั้นตอนสำคัญในการป้องกันทรัพย์สินของคุณและชุมชนโดยรวม นอกจากนี้ รายงานตำรวจยังเป็นเอกสารสำคัญที่คุณจะต้องใช้เมื่อต้องการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัยด้วย
5.โทรแจ้งประกัน
หากคุณมีกรมธรรม์ประกันภัยที่ครอบคลุมการโจรกรรม ขั้นตอนต่อไปคือการติดต่อบริษัทประกันของคุณ การแจ้งเหตุกับบริษัทประกันโดยเร็วจะช่วยให้กระบวนการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็ว
- ติดต่อบริษัทประกันโดยเร็ว: โทรแจ้งบริษัทประกันทันทีที่คุณแจ้งความกับตำรวจเรียบร้อยแล้ว บางบริษัทอาจมีระยะเวลาจำกัดในการแจ้งเหตุ
- เตรียมข้อมูลกรมธรรม์: มีหมายเลขกรมธรรม์และรายละเอียดความคุ้มครองให้พร้อมเมื่อโทรไป
- ให้ข้อมูลเบื้องต้น: แจ้งรายละเอียดของเหตุการณ์ วันและเวลาที่เกิดเหตุ และรายการทรัพย์สินที่สูญหายหรือเสียหาย
- สอบถามขั้นตอนการเรียกร้องค่าสินไหม: ขอคำแนะนำเกี่ยวกับขั้นตอนการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน และเอกสารที่จำเป็นต้องใช้
- ถามเกี่ยวกับการส่งผู้ประเมิน: สอบถามว่าบริษัทประกันจะส่งผู้ประเมินมาตรวจสอบความเสียหายหรือไม่ และเมื่อไหร่
- จดบันทึกการสนทนา: จดชื่อพนักงานที่คุณคุยด้วย วันและเวลาที่โทร และสรุปสิ่งที่ได้พูดคุยกัน
- ขอหมายเลขการเรียกร้อง: ขอหมายเลขการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน (Claim Number) เพื่อใช้อ้างอิงในการติดตามเรื่องต่อไป
- ส่งเอกสารที่จำเป็น: จัดเตรียมและส่งเอกสารที่บริษัทประกันร้องขอ เช่น รายการทรัพย์สินที่สูญหาย ภาพถ่ายความเสียหาย และสำเนาบันทึกประจำวันของตำรวจ
- ติดตามความคืบหน้า: หากไม่ได้รับการติดต่อกลับภายในระยะเวลาที่กำหนด ให้ติดต่อบริษัทประกันเพื่อติดตามความคืบหน้า
- เก็บบันทึกทุกการติดต่อ: เก็บบันทึกทุกครั้งที่มีการติดต่อกับบริษัทประกัน รวมถึงอีเมลและจดหมายที่เกี่ยวข้อง
การมีประกันภัยที่ครอบคลุมการโจรกรรมจะช่วยบรรเทาความเสียหายทางการเงินที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์โจรขึ้นบ้าน อย่างไรก็ตาม การเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนอาจเป็นกระบวนการที่ใช้เวลา ดังนั้นการเตรียมพร้อมและให้ความร่วมมือกับบริษัทประกันอย่างเต็มที่จะช่วยให้กระบวนการนี้ราบรื่นยิ่งขึ้น
รวมวิธีป้องกันไม่ให้โจรขึ้นบ้าน
การป้องกันย่อมดีกว่าการแก้ไข โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงความปลอดภัยของบ้านและทรัพย์สิน ต่อไปนี้คือวิธีป้องกันไม่ให้เกิดเหตุขโมยขึ้นบ้านอีก
1.ติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัย
- ติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV) รอบบ้าน
- ใช้ระบบสัญญาณกันขโมยที่เชื่อมต่อกับศูนย์รักษาความปลอดภัย
- ติดตั้งไฟส่องสว่างแบบเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว
2.เสริมความแข็งแรงของประตูและหน้าต่าง
- ใช้ล็อคที่มีคุณภาพสูงสำหรับประตูและหน้าต่าง
- ติดตั้งโซ่คล้องประตูหรือแท่งเหล็กกั้นหน้าต่าง
- พิจารณาใช้กระจกนิรภัยหรือฟิล์มกันกระจกแตก
3.สร้างภาพลักษณ์ว่ามีคนอยู่บ้านเสมอ
- ใช้ตั้งเวลาเปิด-ปิดไฟอัตโนมัติเมื่อไม่อยู่บ้าน
- ขอให้เพื่อนบ้านช่วยเก็บจดหมายหรือหนังสือพิมพ์เมื่อคุณไม่อยู่
- หลีกเลี่ยงการโพสต์ในโซเชียลมีเดียว่าคุณไม่อยู่บ้าน
4.จัดการพื้นที่รอบบ้าน
- ตัดแต่งพุ่มไม้และต้นไม้ไม่ให้บดบังมุมมอง
- เก็บเครื่องมือและบันไดไว้ในที่ปลอดภัย ไม่วางไว้นอกบ้าน
- ติดตั้งรั้วและประตูรั้วที่แข็งแรง
5.เก็บของมีค่าอย่างปลอดภัย
- ใช้ตู้นิรภัยสำหรับเก็บเอกสารสำคัญและของมีค่า
- พิจารณาใช้บริการตู้นิรภัยของธนาคารสำหรับของมีค่าที่ไม่ได้ใช้บ่อย
- ไม่เก็บเงินสดจำนวนมากไว้ในบ้าน
6.ใช้เทคโนโลยีสมาร์ทโฮม
- ติดตั้งกริ่งประตูอัจฉริยะที่มีกล้อง
- ใช้ระบบควบคุมไฟและเครื่องใช้ไฟฟ้าผ่านสมาร์ทโฟน
- ติดตั้งล็อคประตูอัจฉริยะที่สามารถควบคุมผ่านแอพพลิเคชั่น
7.ทำประกันภัย
- ทำประกันภัยบ้านที่ครอบคลุมการโจรกรรม
- พิจารณาทำประกันภัยโจรกรรมเพิ่มเติมสำหรับทรัพย์สินมีค่า
สรุปบทความ
ความปลอดภัยของบ้านและครอบครัวเป็นสิ่งที่ต้องใส่ใจอยู่เสมอ การผสมผสานมาตรการรักษาความปลอดภัยที่หลากหลาย ร่วมกับความระมัดระวังและการมีส่วนร่วมของชุมชน จะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและลดความเสี่ยงในการตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมได้ดียิ่งขึ้น แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการเตรียมพร้อมและป้องกันไว้ก่อน ด้วยความคุ้มครองจากประกันภัยโจรกรรม จากทิพยประกันภัย คุณสามารถก้าวเดินในชีวิตประจำวันได้อย่างมั่นใจ โดยไม่ต้องหวั่นวิตกกับภัยที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด