น้ำท่วม รถจมน้ำ เคลมประกันรถยนต์ได้ไหม ต้องทำอย่างไร?
ตอนนี้หลายพื้นที่ยังคงมีฝนตกหนักน้ำท่วมขัง หลายคนอาจต้องเจอกับปัญหาน้ำเข้ารถยนต์จากเหตุการณ์ภัยธรรมชาติ น้ำท่วมฉับพลัน รถยนต์บางคนถึงขนาดรถจมลอยไปกับสายน้ำ หรือจมโคลนแทบจะใช้งานไม่ได้เลย ซึ่งเหตุการณ์นี้ทำให้หลายคนถึงกับเสียน้ำตา เสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา เพราะได้รับความเสียหายจนไม่รู้ว่าจะมีใครมารับผิดชอบกับภัยธรรมชาติครั้งนี้ไหม แล้วประกันรถยนต์ที่ทำไว้จะคุ้มครองไหม เคลมประกันได้ไหม ประกันชั้นไหนคุ้มครองและมีขั้นตอนการเคลมอย่างไร?
ประกันภัยรถยนต์ประเภทไหนคุ้มครองรถน้ำท่วม
น้ำท่วมถือภัยพิบัติธรรมชาติที่สร้างความเสียหายให้กับรถยนต์อย่างมาก เป็นเหตุการณ์ที่ยากเกินจะควบคุมได้ หากคุณกำลังหาประกันภัยรถยนต์สักฉบับที่สามารถให้ความคุ้มครองในส่วนนี้ได้ล่ะก็ ควรเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 มั่นใจได้แน่นอนว่าได้รับความคุ้มครองในเรื่องรถประสบภัยกับน้ำท่วมชัวร์! ที่คุ้มครองความเสียหายเกือบทั้งหมด ที่เกิดขึ้นกับตัวรถยนต์
แต่ถ้าหากประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ 3+ ส่วนใหญ่แล้วจะไม่ได้คุ้มครอง แต่ก็อาจมีบางกรมธรรม์ที่ให้ความคุ้มครองตามเงื่อนไขของแต่ละบริษัทประกันแต่ละที่
น้ำท่วม รถจมน้ำ แบบไหนเคลมประกันรถยนต์ได้
ทางบริษัทประกันจะมีการประเมินสาเหตุที่น้ำเข้ารถนั้นเข้าข่ายที่จะได้รับความคุ้มครองหรือไม่
1. น้ำท่วมรถยนต์กรณีที่ประกันจ่าย
ในกรณีน้ำท่วมจนเกิดความเสียหายจากภัยธรรมชาติแบบฉับพลัน ทำให้รถยนต์ที่จอดไว้ ย้ายรถหนีไม่ทัน จนถูกน้ำเข้าภายในตัวรถยนต์และเกิดความเสียหาย บริษัทประกันพร้อมจ่ายค่าเสียหายที่เกิดขึ้นให้แน่นอน! เว้นแต่กรณีที่รถยนต์ถูกน้ำเข้าจนเสียหายโดยสิ้นเชิง บริษัทประกันจะดำเนินการจ่ายเงิน 70-80% ของทุนประกันแทน เนื่องจากมองว่าไม่คุ้มที่จะซ่อมให้กลับมาในสภาพเดิม
2. น้ำท่วมรถยนต์กรณีที่ประกันไม่จ่าย
กรณีที่คุณจงใจทำให้รถยนต์ตกอยู่ในสถานการณ์น้ำท่วม อย่างเช่นคุณกำลังเดินทางออกไปทำงาน ทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน ดันเกิดฝนตกหนักถึงขั้นเกิดน้ำท่วมสูงที่อาจทำให้รถยนต์เกิดความเสียหายได้ แต่คุณเลือกที่จะขับรถลุยน้ำท่วม แม้ว่าน้ำท่วมครั้งนี้จะเกิดจากภัยพิบัติธรรมชาติ แต่ทางบริษัทประกันภัยไม่รับเคลมเพราะมองว่าคุณรู้อยู่แก่ใจว่าถนนเส้นไหนเป็นพื้นที่เสี่ยง แต่ก็ยังเลือกที่จะขับรถเข้าไปหาอันตรายนั้น สำหรับสถานการณ์แบบนี้เข้าข่ายที่ประกันจะไม่ให้ความคุ้มครองแน่นอน! แต่ก็ยังมีบางบริษัประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 อาจช่วยค่าเสียหายบางส่วนขึ้นอยู่กับเงื่อนไข
รถน้ำท่วมเคลมประกันอย่างไร?
1. ไม่สตาร์ทรถ
หากรถยนต์ของคุณจมอยู่ในน้ำ ไม่ควรสตาร์ทรถโดยเด็ดขาด เนื่องจากการสตาร์ทรถในขณะที่เครื่องยนต์เปียกน้ำอาจทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อเครื่องยนต์และระบบไฟฟ้า ทำให้ส่วนประกอบต่างๆ ของเครื่องยนต์ได้รับความเสียหาย ซึ่งอาจทำให้มีค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมเพิ่มสูงขึ้นได้
2. เก็บหลักฐาน
ด้วยการถ่ายรูปขณะที่ยังมีน้ำท่วมขัง หรือถ่ายวิดีโอบันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์ โดยให้เห็นทะเบียนรถเพื่อใช้เป็นหลักฐานยืนยันว่าเป็นรถที่ทำประกันไว้ และทำให้สะดวกต่อการเคลมประกัน
3. ติดต่อบริษัทประกันโดยตรง
แจ้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเบื้องต้นแล้วให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการ สามารถติดต่อได้ตลอด 24 ชั่วโมง
4. เตรียมเอกสารการเคลมประกันเอาไว้ให้พร้อม
- สำเนาบัตรประชาชน
- สำเนาใบขับขี่รถ
- สำเนาทะเบียนรถ
- สำเนากรมธรรม์ประกันภัยรถ
เมื่อน้ำลดแล้วเจ้าหน้าที่จากบริษัทประกันจะเช้ามาประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินขั้นตอนการจ่ายสินไหมทดแทนหรือนำรถเข้าซ่อมต่อไป
เหตุการณ์ภัยธรรมชาติอย่างน้ำท่วมเฉียบพลัน บางครั้งอาจจะร้ายแรงถึงขนาดต้องเปลี่ยนรถคันใหม่เลยก็มี แต่จะเศร้ายิ่งกว่าถ้ามารู้ทีหลังว่าประกันรถที่เรามีไม่ได้คุ้มครองน้ำท่วมด้วย ใครที่ไม่อยากเสียใจทีหลังแบบนี้ มาทำประกันภาคสมัครใจที่คุ้มครองน้ำท่วมไว้ดีกว่า อย่างประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่ TIPINSURE ที่มาช่วยลดความเสี่ยงแบกรับค่าซ่อมรถหรือรถสูญเสียไปกับภัยธรรมชาติ และยังพร้อมให้คำแนะนำทุกสถานการณ์ ให้คุณได้คลายความกังวลใจตลอด 24 ชั่วโมง เช็คเบี้ยและสอบถามรายละเอียดได้ที่ TIPINSURE.COM หรือโทร. 1736