ร้อนนี้! ดูแลสีรถให้สวยสู้แดด ไม่ซีดจาง
อากาศเมืองไทยร้อนแค่ไหนใครๆ ก็รู้ ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนมาก ส่งผลเสียกับรถที่คุณรัก โดยเฉพาะผิวรถ สีรถซีดจาง ผิวเคลือบรถยนต์ถูกทำลายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มีโอกาสเสื่อมสภาพไวยิ่งขึ้น และการดูแลรถยนต์ไม่ใช่แค่การล้างทำความสะอาดเท่านั้น ยังมีปัจจัยอื่นร่วมด้วย TIPINSURE มีวิธีแนะนำการรักษาสีรถ ผิวรถให้สีสดไม่หมอง แถมป้องกันแสงแดดและป้องกันรังสีต่างๆ จากแสงแดดได้ดีมาบอกกัน
แสงแดดสร้างความเสียหายกับรถยนต์อย่างไร?
แสงแดดสามารถสร้างผลเสียให้กับรถยนต์คุณได้มากกว่าที่คิด อย่างสีรถยนต์ ผิวเคลือบรถยนต์ถูกทำลาย คราบสกปรกต่างๆ ที่จะคอยกัดกร่อนสีอยู่ตลอดเวลา รวมถึงสีภายในซีดไม่สดใสเหมือนเดิม นอกจากนี้พวกอุปกรณ์ต่างๆ ภายในตัวรถที่เป็นยางหรือพลาสติกจะเริ่มเสื่อมสภาพใช้งานไม่ได้ เช่นยางปัดน้ำฝน คอนโซลหน้ารถ รวมถึงเบาะหนังด้วยเช่นกัน
6 วิธีดูแลสีรถยนต์ให้สวยสู้แดด ไม่ซีดจาง
1. ล้างรถเป็นประจำ
รถยนต์ที่ต้องตากแดดเป็นเวลานานทุกวัน นอกจากจะทำให้ตัวถังรถ สีรถยนต์สะสมความร้อนจนเกิดการเสื่อมสภาพแล้ว ยังเป็นการรวมคราบสกปรกต่างๆ ที่คอยกัดกร่อนสีอยู่ตลอดเวลา การล้างรถเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง จะเป็นการช่วยล้างคราบสกปรกต่างๆ และช่วยให้สีรถยนต์คงความสดใส เงางามอยู่ตลอด
และเมื่อล้างรถเสร็จอย่าปล่อยให้รถแห้งเองเด็ดขาด เพราะอาจทำให้เกิดคราบ รอยด่างได้ โดยใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์หรือผ้าชามัวร์สำหรับเช็ดรถโดยเฉพาะ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดรอย
2. ใช้ดินน้ำมันล้างรถ
การใช้ดินน้ำมันทำความสะอาดรถถือว่าได้รับความนิยมอยู่ เพราะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรักษาความเงางามของรถ และคุณสมบัติของดินน้ำมัน ความหนืดจะช่วยดูดละอองฝุ่น สิ่งสกปรกออกจากตัวรถยนต์ได้ดี ซึ่งวิธีนี้ทำแค่ปีละ 1-2 ครั้ง เพื่อช่วงรักษาผิวรถในระยะยาว
3. ขัดสี
การขัดสีเป็นการฟื้นฟูผิวสีรถให้กลับมาเหมือนใหม่ ลบคราบสกปรกที่ฝังลึก รอยขนแมวหรือแม้แต่คราบน้ำที่ติดแน่นมานาน โดยการขัดจะช่วยทำให้ผิวสีที่เสื่อมสภาพเผยชั้นสีใหม่ คืนความสดใสเงางามให้กับสีรถที่เริ่มซีดจาง ที่สำคัญยังช่วยป้องกันสนิมที่อาจเกิดจากคราบสกปรกหรือคราบน้ำฝังแน่นอีกด้วย แต่การขัดสีแนะนำว่าไม่ควรทำบ่อย เพราะจะทำให้สีของตัวรถบางลงเรื่อยๆ
4. เคลือบสีรถ
การเคลือบแวกซ์หลังล้างรถจะช่วยรักษาคุณภาพของสีรถยนต์ให้สวยสดเงางามอยู่ตลอดเวลา แต่ถ้าอยากรักษาคุณภาพสีให้ดีกว่าเดิมขึ้นอีก แนะนำให้ทำการเคลือบแก้ว คุณสมบัติป้องกันแสงแดด และรังสี UV ในน้ำยาจะมีสารเคลือบบางๆ ที่ผิวรถทำให้เหมือนมีเกราะป้องกันผิวเวลาที่เจอแสงแดด มลภาวะต่างๆ ก็จะไม่โดนผิวรถโดยตรง นอกจากนี้รถของคุณจะเงา ฉ่ำเหมือนรถใหม่ตลอดเวลา และยังช่วยป้องกันสะเก็ดหิน การขูดขีดเบาๆ กรดจากมูลนก ซึ่งเป็นเหมือนการเพิ่มชั้นป้องกันสีรถอีกชั้นหนึ่ง
แม้ว่าการเคลือบแก้วจะมีราคาที่สูง แต่สามารถรักษาคุณภาพสีของตัวรถยนต์เอาไว้ได้ในระยะยาวเลยทีเดียว ความถี่ในการการเคลือบแก้วอย่างน้อยที่สุดอาจอยู่ 6 เดือน ขึ้นอยู่กับการใช้งานของรถหรือการที่รถสัมผัสแสงแดด
5. พยายามเลือกจอดรถในที่ร่ม
เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดและง่ายต่อการป้องกันสีรถยนต์จากแสงแดด คือการเลือกสถานที่จอดรถในร่มหรือที่จอดรถที่มีหลังคาบังไม่ถูกแสงแดด เพราะไม่ว่าจะป้องกันอย่างไรแสงแดดก็ยังคงส่งผลกระทบต่อตัวรถไม่มากก็น้อย จึงแนะนำว่าให้พยายามหาที่ร่มๆ จอดรถได้จะดีที่สุด แต่หากเลี่ยงการจอดรถตากแดดไม่ได้ก็ควรหาผ้าคลุมรถเพื่อป้องกันแสงแดด เลือกใช้ผ้าคลุมชนิดที่ได้มาตรฐาน มีคุณสมบัติทนความร้อน ต้านรังสี UV
การรักษาสีรถยนต์ทำได้ง่ายกว่าที่คิด แค่ทำตาม 5 ข้อนี้อย่างสม่ำเสมอ ก็ช่วยถนอมสีรถยนต์ของคุณไปได้อีกนาน แดดเมืองไทยร้อนแค่ไหนก็ไม่ต้องกลัว ดูแลเรื่องสีรถยนต์แล้ว อย่าลืมซื้อความปลอดภัยให้กับชีวิตและทรัพย์สิน ให้คุณขับขี่ได้อย่างอุ่นใจมากขึ้น กับประกันรถยนต์ TIPINSURE ตัวช่วยดูแลในทุกการขับขี่ ที่สุดของความคุ้มครองครอบคลุมตลอด 24 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดได้ที่ TIPINSURE.COM หรือโทร. 1736