ไขข้อข้องใจทำไมเกียร์ออโต้มีหลายแบบ ที่มือใหม่ต้องไม่พลาด
23 สิงหาคม 2023
ผู้ชม: 846 คน

ทำไมเกียร์ออโต้มีหลายแบบ ที่มือใหม่ต้องไม่พลาด

 

สำหรับใครที่เป็นมือใหม่หัดขับรถ สิ่งที่จำเป็นต้องรู้ จำให้ดี ใช้ให้คล่อง นั่นก็คือ การปรับเกียร์ออโต้รถยนต์ ซึ่งมีสัญลักษณ์ต่างๆ มากมายที่คนขับรถยนต์จำเป็นต้องรู้ เพราะถ้าหากไม่รู้การขับรถยนต์อาจประสบอุบัติเหตุได้นั่นเอง ดังนั้นการเรียนรู้เกี่ยวกับสัญลักษณ์ต่างๆ เป็นเรื่องสำคัญมากๆ และถ้าหากเป็นมือใหม่หัดขับการเลือกเรียนการขับรถเกียร์ออโต้ จะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

เกียร์ออโต้แต่ละตำแหน่งหมายถึงอะไร

1. เกียร์ P

สำหรับเกียร์ P คือ เกียร์สำหรับการจอดรถ ซึ่งในการที่จะเปลี่ยนเกียร์ P จำเป็นที่จะต้องให้รถหยุดสนิทก่อน ถึงจะเปลี่ยนเกียร์ได้ เมื่อมีการเปลี่ยนเกียร์เป็นที่เรียบร้อย รถจะจอดสนิทไม่สามารถขยับเขยื้อนไปไหนได้ ซึ่งเหมาะแก่การจอดในบ้าน จอดในบล็อกที่จอดรถ หรือแม้แต่การจอดในที่ลาดชัน โดยแนะนำว่าหลักเปลี่ยนเกียร์เสร็จให้ดึงเบรกมือด้วย

 

2. เกียร์ R

ในส่วนของเกียร์ R คือ เกียร์ถอยหลัง เมื่อเปลี่ยนเกียร์แล้วจะสามารถถอยหลังได้เอง หรือเรียกได้ว่าเป็เกียร์ออโต้ ที่ไม่จำเป็นต้องเร่งเครื่องแต่อย่างใด โดยมากเราจะใช้เวลาที่จะจอดรถเข้าซอง หรือต้องการถอยไปด้านหลังอย่างช้าๆ ซึ่งการถอยหลังบางครั้งคนขับจะต้องหันไปมองหลังบ้าง จึงไม่ควรที่จะเหยียบคันเร่งไปด้วย เพราะจะเป็นการถอยหลังที่เร็วและอาจทำให้เกิดอันตรายได้นั่นเอง

3. เกียร์ N

เกียร์ N หรือเรียกอีกอย่างว่าเกียร์ว่าง โดยฟังก์ชันก็เป็นการทำให้รถจอด แต่จอดแบบไม่ล็อคล้อ ซึ่งจะเหมาะกับการจอดรถในจุดที่จำเป็นต้องเข็นรถ และอีกแบบก็คือจอดตอนรถติดไฟแดงเพื่อที่จะไม่ต้องเหยียบเบรกตลอดเวลาก็ได้เช่นเดียวกัน แต่การปรับเป็นเกียร์ว่าง จะต้องมั่นใจได้ว่าที่จอดเป็นถนนราบในระดับที่เท่ากัน เพราะไม่เช่นนั้นรถอาจไหลแล้วจะไปชนกับอย่างอื่นได้

4. เกียร์ D

ในส่วนของเกียร์ D ก็คือการปรับ เกียร์ออโต้ ให้เคลื่อนที่โดยอัตโนมัติ ซึ่งหากไม่เหยียบคันเร่ง รถก็จะเคลื่อนตัวออกช้าๆ ซึ่งมือใหม่ที่หัดขับรถควรฝึกแบบนี้ไปก่อน หลังจากนั้นก็สามารถเหยียบเร่งเครื่องเบาๆ ก็จะสามารถเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนรถยนต์ได้มากยิ่งขึ้น แนะนำว่าการขับค่อยๆ เหยียบเรื่อยๆ จะทำให้รถออกตัวได้ดี และไม่กระชากจนเกินไป ทั้งนี้นอกจากนี้ยังมีเกียร์ D3 และ D2 อีกด้วย ว่าแต่คืออะไรนั้นมาดูกัน

  • เกียร์ D3 สำหรับเกียร์ D3 จะเหมาะกับคนที่ขับรถคล่องแล้ว โดยฟังก์ชันหลักก็คือจะเป็นการเร่งเครื่องแซงรถคันอื่นๆ และนอกจากนี้ยังเหมาะใช้สำหรับการขึ้นสะพานที่มีความชันเล็กน้อยก็ได้เหมือนกัน
  • เกียร์ D2 สำหรับเกียร์นี้ต้องบอกเลยว่าต้องใช้ความชำนาญในการขับ เพราะจะเป็นเกียร์ที่เหมาะแก่การขับรถขึ้นเขา หรือไปในทางที่ชันมีขึ้นลงถี่ๆ อย่างชัดเจน หรือแม้แต่การขึ้นลานจอดรถที่มีความโค้งการปรับให้เป็นเกียร์นี้ก็จะช่วยเร่งเครื่องได้ดีเหมือนกัน

 5. เกียร์ L

เกียร์ L นับว่าเป็นการขับรถยนต์ที่ช่วยชะลอให้ช้าลง ถือว่าเป็น  เกียร์ออโต้ ที่เหมาะแก่การขึ้นลงเขาที่มีความชันเป็นอย่างมาก เพราะจะต้องไต่ขึ้นช้าๆ ในขณะเดียวกันตอนลงเขาก็ต้องชะลอความเร็วไม่ให้รถยนต์ไหลลงด้านล่างเร็วเกินไป

6. เกียร์ S 

เกียร์ S จะเป็นเกียร์ที่เพิ่งมีหลักๆ เหมือนเป็นเกียร์ที่สะสมความแรง เพื่อที่ว่าอยากแซงก็สามารถเร่งเครื่องได้เลย

เกียร์ออโต้แบบตรงกับแบบขั้นบันไดต่างกันอย่างไร

เกียร์ออโต้แบบตรง

เกียร์ออโต้แบบตรง คือ การเลื่อนคันโยกขึ้นลงได้อย่างสะดวก ในบางตัวอักษรอาจจะตรงมีกดปุ่มเพื่อป้องกันความปลอดภัยขณะเปลี่ยนเกียร์รถได้

เกียร์ออโต้แบบขั้นบันได

เกียร์ออโต้แบบขั้นบันได ในจุดนี้จะเป็นบริเวณคันโยกที่จะเป็นจะต้องเลื่อนขึ้น เลื่อนลงแบบขั้นบันได ที่จำเป็นจะต้องหมุนเกียร์ซ้าย ขวา และปรับขึ้น ปรับลง

สรุปบทความ 

เมื่อมือใหม่หัดขับทุกคนได้เรียนรู้เกี่ยวกับสัญลักษณ์เกียร์ออโต้กันเป็นที่เรียบร้อย พร้อมกับรู้ความแตกต่างระหว่างเกียร์ออโต้แบบตรงและแบบขั้นบันไดนั่นแตกต่างกันไปแล้ว และเมื่อถึงเวลาลงสนามฝึกขับรถที่ถนน แนะนำให้เลือกเส้นที่มีรถยนต์ไม่เยอะก่อน และจากนั้นค่อยออกสู่ถนนปกติ อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าจะเป็นการฝึกขับรถ จำเป็นจะต้องเผื่อในเรื่องของการขับอาจเกิดอุบัติเหตุได้ ดังนั้นการเลือกทำประกันภัยชั้น 1 จากทาง Tipinsure เป็นอะไรที่ตอบโจทย์ เพราะครอบคลุมการเคลมที่หลากหลาย ถ้าหากคุณมีไว้จะอุ่นใจอย่างแน่นอน

#Tag: