เจาะลึกรถกลุ่ม B-SUV คืออะไร แตกต่างจากรถ SUV ตรงไหนบ้าง
05 พฤศจิกายน 2024
ผู้ชม: 2787 คน

เจาะลึกรถ B-SUV คืออะไร ต่างจาก SUV ไหม

ในโลกของยานยนต์ที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เราได้เห็นการเกิดขึ้นของรถยนต์ประเภทต่างๆ มากมาย หนึ่งในนั้นคือรถ B-SUV ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูงในปัจจุบัน แต่หลายคนอาจยังสงสัยว่า B-SUV คืออะไร และมันแตกต่างจาก SUV ทั่วไปอย่างไร บทความนี้ TIPINSURE จะพาคุณเจาะลึกเกี่ยวกับรถ B-SUV พร้อมทั้งอธิบายความแตกต่างระหว่าง B-SUV และ SUV รวมถึงทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Segment ต่างๆ ของรถยนต์กันแบบละเอียดได้ในบทความ

 

รถ B-SUV คืออะไร

B-SUV หรือ Crossover คือรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดเล็ก (Subcompact SUV) ที่มีขนาดตัวถังอยู่ในระดับ B-Segment ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่ารถยนต์ในกลุ่ม A-Segment แต่เล็กกว่ารถในกลุ่ม C-Segment ซึ่งเจ้าตัวรถ B-SUV เป็นการผสมผสานระหว่างความคล่องตัวของรถยนต์ขนาดเล็กกับรูปลักษณ์และความอเนกประสงค์ของรถ SUV นั่นเอง

ลักษณะเด่นของรถ B-SUV มีดังนี้

  1. ขนาดกะทัดรัด มีความยาวประมาณ 4-4.3 เมตร ทำให้ขับขี่และจอดในเมืองได้ง่าย
  2. ความสูงเพิ่มขึ้น มีระยะห่างจากพื้นมากกว่ารถยนต์นั่งทั่วไป ทำให้มองเห็นทัศนวิสัยได้ดีขึ้น
  3. พื้นที่ภายในกว้างขวาง ด้วยการออกแบบที่เน้นการใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่า ทำให้มีพื้นที่ภายในกว้างขวางกว่ารถยนต์นั่งในขนาดเดียวกัน
  4. มักใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็กที่ประหยัดน้ำมัน แต่ให้สมรรถนะที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป
  5. มีราคาที่ย่อมเยากว่า SUV ขนาดใหญ่ ทำให้เข้าถึงได้ง่ายสำหรับผู้บริโภคทั่วไป

 

รถ B-SUV แตกต่างจาก SUV ไหม

แม้ว่า B-SUV จะมีคำว่า SUV อยู่ในชื่อ แต่ก็มีความแตกต่างจาก SUV ทั่วไปในหลายๆ ด้าน ดังนี้

  1. B-SUV มีขนาดเล็กกว่า SUV ทั่วไปมาก โดย SUV ปกติอาจมีความยาวตั้งแต่ 4.5 เมตรขึ้นไป ในขณะที่ B-SUV มักมีความยาวไม่เกิน 4.3 เมตร
  2. พื้นที่ภายใน SUV ทั่วไปมักมีพื้นที่ภายในกว้างขวางกว่า สามารถรองรับผู้โดยสารได้มากกว่า (บางรุ่นมีถึง 7 ที่นั่ง) ในขณะที่ B-SUV มักมีที่นั่ง 5 ที่นั่งเท่านั้น
  3. สมรรถนะของรถ SUV มักมีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่กว่า ให้กำลังและแรงบิดมากกว่า ในขณะที่ B-SUV เน้นความประหยัดน้ำมันมากกว่า
  4. ระบบขับเคลื่อนหลายรุ่นมีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ (4WD หรือ AWD) ทำให้สามารถใช้งานในสภาพถนนที่หลากหลายได้ดีกว่า ส่วน B-SUV ส่วนใหญ่เป็นระบบขับเคลื่อนล้อหน้า
  5. รถ B-SUV มีราคาถูกกว่า SUV ทั่วไปค่อนข้างมาก ทำให้เข้าถึงได้ง่ายกว่า
  6. การใช้งาน B-SUV เหมาะกับการใช้งานในเมืองมากกว่า เนื่องจากขนาดกะทัดรัดและประหยัดน้ำมัน ในขณะที่ SUV เหมาะกับการเดินทางไกลหรือบรรทุกสัมภาระจำนวนมากมากกว่า

 

ทำความเข้าใจ Segment รถคืออะไร

Segment รถ คือการแบ่งประเภทของรถยนต์ตามขนาดและลักษณะการใช้งาน ซึ่งช่วยให้ผู้บริโภคและผู้ผลิตสามารถเปรียบเทียบรถยนต์ในกลุ่มเดียวกันได้ง่ายขึ้น โดยทั่วไป Segment รถยนต์แบ่งออกเป็นหลายกลุ่ม แต่เราจะเน้นที่ 4 กลุ่มหลักที่พบบ่อยในตลาดรถยนต์ทั่วไป ดังนี้

 

รถ A Segment

รถ A Segment หรือที่เรียกว่า City Car เป็นรถยนต์ขนาดเล็กที่สุดในตลาด มีลักษณะดังนี้

  • ความยาวประมาณ 3.5-3.7 เมตร
  • เหมาะสำหรับการใช้งานในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่น
  • ประหยัดน้ำมันสูง
  • ราคาไม่แพง เหมาะสำหรับผู้ซื้อรถคันแรก
  • ตัวอย่างรถในกลุ่มนี้ เช่น Suzuki Celerio, Kia Picanto

 

รถ B Segment

รถ B Segment หรือ Subcompact Car เป็นรถยนต์ขนาดเล็กที่ใหญ่กว่า A Segment เล็กน้อย มีลักษณะดังนี้

  • ความยาวประมาณ 3.8-4.3 เมตร
  • มีพื้นที่ภายในกว้างขวางกว่า A Segment
  • ยังคงประหยัดน้ำมันและคล่องตัวในการขับขี่ในเมือง
  • ราคาสูงกว่า A Segment แต่ยังอยู่ในระดับที่เข้าถึงได้
  • ตัวอย่างรถในกลุ่มนี้ เช่น Toyota Yaris, Honda City, Mazda2

รถ B-SUV ที่เราพูดถึงก่อนหน้านี้ก็อยู่ใน Segment นี้เช่นกัน แต่มีรูปลักษณ์แบบ SUV

 

รถ C Segment

รถ C Segment หรือ Compact Car เป็นรถยนต์ขนาดกลางที่ได้รับความนิยมสูง มีลักษณะดังนี้

  • ความยาวประมาณ 4.3-4.7 เมตร
  • มีพื้นที่ภายในกว้างขวาง เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดเล็ก
  • สมดุลระหว่างสมรรถนะและความประหยัดน้ำมัน
  • มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและความปลอดภัยมากขึ้น
  • ตัวอย่างรถในกลุ่มนี้ เช่น Toyota Corolla Altis, Honda Civic, Mazda3

 

รถ D Segment

รถ D Segment หรือ Midsize Car เป็นรถยนต์ขนาดใหญ่ที่ให้ความหรูหราและสมรรถนะสูง มีลักษณะดังนี้

  • ความยาวมากกว่า 4.7 เมตร
  • มีพื้นที่ภายในกว้างขวางมาก เหมาะสำหรับการเดินทางไกล
  • เน้นความสะดวกสบายและเทคโนโลยีล้ำสมัย
  • มักมีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ ให้สมรรถนะสูง
  • ราคาสูงกว่า Segment อื่นๆ
  • ตัวอย่างรถในกลุ่มนี้ เช่น Toyota Camry, Honda Accord, BMW 3 Series

 

ทำไมรถ B-SUV ถึงได้รับความนิยม

รถ B-SUV ได้รับความนิยมอย่างสูงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ด้วยเหตุผลหลายข้อที่ถูกใจผู้บริโภค เช่น

  1. ผสมผสานข้อดีของรถเก๋งขนาดเล็กและ SUV เข้าด้วยกัน ทำให้ใช้งานได้หลากหลาย
  2. ขนาดกะทัดรัด เหมาะสำหรับการใช้งานในเมืองที่มีพื้นที่จำกัด ทั้งการจราจรและที่จอดรถ
  3. ด้วยขนาดและน้ำหนักที่น้อยกว่า SUV ทั่วไป ทำให้ประหยัดน้ำมันกว่า
  4. มีราคาที่ย่อมเยากว่า SUV ขนาดใหญ่ ทำให้ผู้บริโภคสามารถเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น
  5. มีระบบความปลอดภัยที่ทันสมัย และด้วยความสูงที่มากกว่ารถเก๋งทั่วไป ทำให้มองเห็นทัศนวิสัยได้ดีขึ้น
  6. รูปลักษณ์ที่ดูสปอร์ตและทันสมัยตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่
  7. ให้ความรู้สึกเหมือนได้ใช้รถ SUV ในราคาที่ถูกกว่า ทำให้ผู้บริโภครู้สึกคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป
  8. การมีระยะห่างจากพื้นที่สูงขึ้นช่วยให้ขับขี่ได้สะดวกในหลากหลายสภาพถนน
  9. แม้จะมีขนาดเล็ก แต่ B-SUV ก็มีพื้นที่ภายในที่กว้างขวางพอสำหรับครอบครัวขนาดเล็กถึงกลาง
  10. หลาย B-SUV มาพร้อมกับเทคโนโลยีไฮบริดหรือปลั๊กอินไฮบริด ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม

ด้วยเหตุผลเหล่านี้ ทำให้ B-SUV กลายเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับผู้บริโภคที่ต้องการความอเนกประสงค์ แต่ยังคงต้องการความประหยัดและความคล่องตัวในการใช้งานในเมือง

 

สรุปบทความ

B-SUV หรือ B-Segment SUV กำลังเป็นที่นิยมอย่างสูงในตลาดรถยนต์ปัจจุบัน ด้วยการผสมผสานข้อดีของรถเก๋งขนาดเล็กและ SUV เข้าด้วยกัน รถประเภทนี้ตอบโจทย์ผู้ขับขี่ด้วยขนาดที่กะทัดรัด ประหยัดน้ำมัน และความอเนกประสงค์ในการใช้งาน แต่ไม่ว่าคุณจะเลือก B-SUV หรือรถยนต์ประเภทอื่น สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามคือการปกป้องรถของคุณด้วยประกันรถยนต์ที่เหมาะสม โดยเฉพาะประกันรถยนต์ชั้น 1 และ ประกันรถยนต์ 2+ ซึ่งมอบความคุ้มครองที่ครอบคลุมทั้งอุบัติเหตุจากการชนและการสูญหายเหมาะอย่างยิ่งสำหรับรถยนต์อย่าง B-SUV ที่มักใช้งานในเมืองและต่างจังหวัด 
ด้วยแผนประกันที่หลากหลายของทิพยประกันภัย คุณสามารถเลือกความคุ้มครองที่ตรงกับรูปแบบการใช้งานและงบประมาณของคุณได้อย่างลงตัว ทำให้คุณสามารถเพลิดเพลินกับการขับขี่ B-SUV คู่ใจได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลกับค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นจากอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ไม่ว่าคุณจะเลือกรถประเภทใด การขับขี่อย่างรับผิดชอบและมีประกันที่เหมาะสมจะช่วยให้ทุกการเดินทางของคุณเป็นไปอย่างราบรื่น ปลอดภัย และอุ่นใจยิ่งขึ้น

#Tag: