เข้าหน้าฝน ยุงยิ่งเยอะ ยิ่งเสี่ยง! ไข้เลือดออก
24 มิถุนายน 2024
ผู้ชม: 497 คน

เข้าหน้าฝน ยุงยิ่งเยอะ ยิ่งเสี่ยง! ไข้เลือดออก

“ยุง” พาหนะของโรคร้ายแรงอย่างไข้เลือดออกยิ่งในช่วงหน้าฝนแบบนี้ ยุงลายสามารถวางไข่ไว้ที่ผิวน้ำต่างๆ เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายให้มีจำนวนมากขึ้นกว่าปกติได้อย่างรวดเร็ว เป็นได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ ส่วนมากพบในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปี และสามารถเป็นซ้ำในครั้งที่สองได้ด้วย และจะมีอาการหนักและรุนแรงกว่าครั้งก่อนหน้าเสมอ
 
ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก พบว่าในแต่ละปีมีผู้ที่ติดเชื้อไข้เลือดออกมากถึง 400 ล้านคนทั่วโลก และ 40,000 ผู้เสียชีวิตจากไข้เลือดออกที่อาการรุนแรง โรคไข้เลือดออกจึงเป็นอีก 1 โรคอันตรายที่ไม่ควรมองข้ามเลยจริงๆ 
 
 

เชื้อไวรัสเดงกี่ แพร่จากยุงลายมาสู่คนได้อย่างไร?

โรคไข้เลือดออก เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อ “ไวรัสเดงกี่ (Dengue) ” ที่มียุงลายเป็นพาหะ เกิดจากยุงลายตัวเมียกัดและดูดเลือดของผู้ที่เป็นโรคไข้เลือดออกก่อน (ผู้ป่วยที่มีเชื้อไวรัสเดงกี่) เชื้อไวรัสจะอยู่ในตัวของยุงตลอดระยะเวลาของมันประมาณ 1 – 2 เดือน และเมื่อยุงลายตัวเดิมไปกัดคนอื่น เชื้อก็จะแพร่เข้าสู่คนที่ถูกกัดได้ทันที
 
 

ไวรัสไข้เลือดออกเดงกี่มี 4 สายพันธุ์

DENV-1, DENV-2, DENV-3 และ DENV-4 โดยที่ส่วนใหญ่แล้ว 80-90% ไข้เลือดออกมักไม่มีอาการแสดงหรืออาจมีอาการเพียงเล็กน้อย แต่ในบางรายก็สามารถเกิดเป็นไข้เลือดออกเดงกี่ชนิดที่รุนแรงได้ สัญญาณเตือนการติดเชื้อไข้เลือดออกที่รุนแรง จะมีด้วยกัน 3 ระยะ
  • ระยะไข้สูง จะมีไข้สูงเฉียบพลันถึง 38-40 องศาเซลเซียส ไข้จะสูงค้างอยู่อย่างนั้นตลอดเวลา ประมาณ 2-7 วัน โดยที่กินยาลดไข้ก็ยังบรรเทาไข้ไม่ได้ สังเกตได้ว่าจะมีหน้าแดง ปวดศีรษะ เบื่ออาหาร และมีอาการซึม บางคนอาจมีจุดเลือดสีแดงๆ ขึ้นตามลำตัว แขน ขา
  • ระยะวิกฤต ประมาณวันที่ 3-6 ผู้ป่วยจะมีอาการตับโต รู้สึกเจ็บเมื่อกดโดน ไข้จะเริ่มลดลง แต่ก็ยังมีอาการซึม มีเหงื่อออก มือเท้าเย็น ชีพจรเต้นเบาแต่เร็ว ปวดท้อง อาเจียนมีเลือดปนหรือมีสีดำ บางรายอาจรุนแรงถึงขั้นความดันโลหิตต่ำ ช็อก และอาจเสียชีวิตได้
  • ระยะพักฟื้น จะเป็นระยะที่มีการย้อนกลับของพลาสม่าเข้าสู่กระแสเลือด อาการทั่วไปจะดีขึ้น รู้สึกตัว เริ่มกินอาหารได้ โดยอาการจะดีขึ้นตามลำดับภายในช่วงระยะ 7-10 วันหลังจากผ่านพ้นระยะที่ 2 ของโรค
 

เราสามารถติดเชื้อไข้เลือดออกได้ถึง 4 ครั้ง

เพราะเชื้อไวรัสไข้เลือดออกมีอยู่ 4 สายพันธุ์ การระบาดก็จะสลับหมุนเวียนไป และในแต่ละปีสายพันธุ์ที่แพร่ระบาดจะแตกต่างกันออกไป ยกตัวอย่าง เช่น ถ้าคุณเคยเป็นไข้เลือดออกชนิดหนึ่งแล้ว ร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสเดงกี่แค่ชนิดที่เคยติดเท่านั้น เพราะฉะนั้นคุณจึงมีโอกาสเสี่ยงติดเชื้อไวรัสไข้เลือดออกอีก 3 สายพันธุ์ที่เหลือได้ ทำให้ตลอดชีวิตของคุณสามารถที่จะติดเชื้อไวรัสไข้เลือดออกเดงกี่ได้มากถึง 4 ครั้งนั่นเอง
 
 

ไข้เลือดออก เป็นแล้วเป็นซ้ำอันตรายกว่าเดิม

แน่นอนว่าคุณอาจเสี่ยงเป็นไข้เลือดออกถึง 4 สายพันธุ์ แต่ครั้งที่ 2 ของการติดเชื่ออาจเพิ่มความเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรงเพิ่มมากขึ้น เพราะร่างกายคุณจะมีระบบภูมิคุ้มกันที่สามารถป้องกันได้เพียงสายพันธุ์ที่เคยติดมาแล้ว เมื่อได้รับเชื้อไข้เลือดออกซ้ำในครั้งที่ 2 คนละสายพันธุ์ ภูมิในร่างกายทำงานได้ไม่ดีพอ ไม่สามารถสู้กับเชื้อไวรัสได้อย่างทันเวลา ทำให้การติดเชื้อมีอาการรุนแรงมากกว่า และอันตรายถึงชีวิตได้
 
 

ไข้เลือดออก ป้องกันได้ด้วยวัคซีน

แม้ว่าปัจจุบันจะยังไม่มียาสำหรับรักษาโรคไข้เลือดออกแบบเฉพาะเจาะจง การรักษาจึงเป็นแบบรักษาตามอาการและความรุนแรงของโรค แต่ยังมีอีกวิธีที่สามารถป้องกันและลดความเสี่ยงได้ นั่นคือ การฉีด “วัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออก” สามารถใช้ได้ในเด็กอายุตั้งแต่ 9 ปีถึงผู้ที่มีอายุ 45 ปี โดยจะฉีดทั้งหมด 3 เข็ม ที่ 0, 6, 12 เดือน หลังจากฉีดครบแล้ว พบว่าสามารถป้องกันโรคไข้เลือดออกได้ 65.6% ลดความรุนแรงของโรคได้ 92.9% และลดอัตราการนอนโรงพยาบาลได้ 80.8% 
 
 
เพราะการดูแลรักษาสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ โรคร้ายอาจเกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว การวางแผนเตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์เหล่านี้จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายคุณในวันที่คุณป่วย อย่างการทำประกันสุขภาพเพื่อลดความเสี่ยงต่างๆ ในอนาคตได้ อย่างประกัน TIP ชิลชิล ที่คุ้มครองครอบคลุมทุกโรคจากการเจ็บป่วย หลักประกันสุขภาพที่ดีในอนาคตของคุณ สนใจซื้อประกันสุขภาพออนไลน์ได้เลยที่ TIPINSURE.COM หรือโทร. 1736 

#Tag: