5 โรคติดต่อ สุนัขเด็กต้องระวัง!
10 มีนาคม 2025
ผู้ชม: 4 คน

5 โรคติดต่อ สุนัขเด็กต้องระวัง!


น้องหมาน้อยที่อยู่ในช่วงวัยเด็ก เป็นช่วงที่เจ้าของต้องคอยดูแลเป็นพิเศษ วัยนี้มีโอกาสเสี่ยงที่จะติดโรคต่างๆ ได้มาก เพราะภาวะภูมิคุ้มกันยังไม่แข็งแรงเต็มที่ ไม่แตกต่างไปจากเด็กเล็ก และยังได้รับวัคซีนต่างๆ ไม่ครบถ้วน บวกกับพฤติกรรมของหมาเด็กที่ชอบซุกซน มีความอยากรู้ อยากเห็น ก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงให้ติดโรคได้ง่ายขึ้น 

มาดู 5 โรคอันตรายที่น้องหมาเด็กมีความเสี่ยงที่จะเป็นได้ง่าย

1. โรคไข้หัดสุนัข (Canine Distemper)

โรคไข้หัดสุนัขพบมากในลูกสุนัขอายุ 3- 6 เดือน เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส กลุ่มพาราไมโซไวรัส (Paramyxovirus) เข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ ระบบทางเดินอาหาร และระบบประสาท หากลูกสุนัขเป็นแล้วจะมีอาการรุนแรง และมีโอกาสเสียชีวิตสูงมาก 

อาการ : ไวรัสชนิดนี้จะแพร่กระจายไปทั่วร่างกายตามอวัยวะและระบบสำคัญต่างๆ อย่างรวดเร็ว ลูกสุนัขจะมีอาการ ไข้ ไอ ท้องเสีย อาเจียน และอาจมีปัญหาเกี่ยวกับระบบประสาท เช่น ชัก เป็นอัมพาต ต้องคอยสังเกตอาการให้ดี เพราะในระยะแรกมีอาการป่วยทั่วไป เช่น ซึม อยากอาหารน้อยลง

การป้องกัน : โรคนี้ยังไม่มีการรักษาโดยตรง แนะนำพาไปฉีดวัคซีนสม่ำเสมอตามคำแนะนำของสัตวแพทย์ คอยดูแลที่อยู่ อาหารให้สะอาดอยู่เสมอ 

 

2. โรคตับอักเสบติดต่อในสุนัข (Infectious Canine Hepatitis)

โรคตับอักเสบติดต่อในสุนัข เกิดจากเชื้อไวรัสร้ายแรงติดต่อได้ทั้งทางปัสสาวะ น้ำลาย หรืออุจจาระ เมื่อเชื้อไวรัสโรคนี้เข้าไปในร่างกายจะไปอยู่ที่ต่อมทอนซิลแล้วกระจายไปยังอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย โดยเฉพาะเนื้อเยื่อตับ ไต และตา สามารถลุกลามได้อย่างรวดเร็วมาก อัตราการเสียชีวิตในสุนัขที่เป็นโรคตับอักเสบมีตั้งแต่ 10-30% และโดยทั่วไปอัตราเสียชีวิตจะสูงขึ้นหากสุนัขมีอายุน้อย

อาการ : ในช่วงแรกเริ่มจะมีอาการซึม อ่อนแรง ท้องเสีย ปวดท้อง และมีอาการเด่นชัด คือ มีจุดหรือปื้นเลือดออกตามตัว ถ่ายเป็นเลือด เนื่องจากเชื้อไวรัสจะไปทำลายผนังหลอดเลือด รวมไปถึงอาการม่านตาอักเสบ ตาขุ่น ซึ่งเกิดขึ้นในระยะท้ายๆ ของโรค

การป้องกัน :  สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน ลูกสุนัขต้องได้รับวัคซีนที่จำเป็นในวัยที่เหมาะสม ลูกสุนัขจะเริ่มโปรแกรมฉีดวัคซีนเมื่ออายุ 6-8 สัปดาห์ โดยจะมีการฉีดวัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบติดต่อในสุนัข เมื่ออยู่ในช่วงอายุระหว่าง 7-9 สัปดาห์ และได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นอีกครั้งเมื่ออายุ 11-13 สัปดาห์ ลูกสุนัขจะมีภูมิคุ้มกัน

 

3. โรคลำไส้อักเสบ (Canine Parvo Virus)

เป็นอีกหนึ่งโรคที่พบได้บ่อยมากๆ ในลูกสุนัข หรือเรียกสั้น ๆ ว่า “พาร์โว” เชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดการอักเสบอย่างรุนแรงในลำไส้ของสุนัข จะมีอาการท้องเสียเฉียบพลัน และมีโอกาสเสียชีวิตสูง เนื่องจากการติดเชื้ออาจทำให้กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ส่งผลให้หัวใจของลูกสุนัขล้มเหลว 

อาการ :  จะมีอาการท้องเสียรุนแรง ถ่ายเหลวเป็นน้ำหรือเลือด อุจจาระมีกลิ่นเหม็นมาก พร้อมกับมีไข้ ซึม ขาดน้ำรุนแรง ถ้าลูกสุนัขอายุต่ำกว่า 12 สัปดาห์เป็นโรคนี้มีโอกาสที่จะติดเชื้อที่หัวใจ ทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ซึ่งมีโอกาสเสียชีวิตสูง

การป้องกัน : การฉีดวัคซีนมีประสิทธิภาพสูงและช่วยลดความรุนแรงของโรค วัคซีนพาร์โวไวรัสลูกสุนัขควรได้รับวัคซีนเข็มแรกเมื่อมีอายุประมาณ 8 สัปดาห์ จากนั้นฉีดทุกๆ 2 – 4 สัปดาห์จนกว่าจะมีอายุ 16 – 20 สัปดาห์ แนะนำให้ฉีดกระตุ้นเมื่ออายุครบ 1 ปี และทุกๆ 3 ปี

 

4. โรคหลอดลมอักเสบ (Kennel Cough)

มักพบได้บ่อยจากอาการไอของสุนัข เป็นโรคระบบทางเดินหายใจที่เกิดจากแบคทีเรียและไวรัสหลายชนิด เช่น Bordetella Bronchiseptica และ พาราอินฟลูเอนซา (Parainfluenza Virus) โรคนี้แพร่กระจายผ่านละอองในอากาศ ทำให้สุนัขไอและอาจมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย 

อาการ :  มีอาการไอรุนแรง ไอแห้งถี่ๆ ตลอดเวลา มีส่วนน้อยที่อาจมีน้ำมูกหรือภาวะปอดบวมแทรกซ้อนบ้าง ส่วนใหญ่ลูกสุนัขที่เป็นโรคนี้มักไม่มีไข้ และสามารถหายเองได้ภายใน 7-10 วัน

การป้องกัน :  หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้เกิดอาการระคายเคือง ให้อยู่ห่างจากควันและฝุ่นเพื่อป้องกันการระคายเคือง รวมถึงการใช้ยาแก้ไอสุนัขจะช่วยให้น้องหมาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว และลดการแพร่กระจายของโรค แนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคหลอดลมอักเสบเพื่อลดการติดเชื้อในอนาคต

 

5. โรคกระดูกอ่อน (Rickets)

เป็นโรคที่ไม่ได้เกิดจากเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย แต่เกิดจากการกินอาหารที่ไม่เหมาะสม ทำให้ลูกสุนัขได้รับแคลเซียมและฟอสฟอรัสไม่เพียงพอ เพราะในลูกสุนัขที่กำลังเจริญเติบโตต้องการแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูงกว่าสุนัขโตเต็มวัยถึง 3 เท่า ถ้าได้รับอาหารไม่เพียงพออาจจะพัฒนากระดูกได้ไม่เต็มที่และกลายเป็นโรคกระดูกอ่อน ซึ่งทำให้สุนัขมีรูปร่างผิดปกติ กระดูกไม่แข็งแรง ขาบิดโค้งผิดรูป  

การป้องกัน :  ควรให้อาหารที่มีสารอาหารครบถ้วนสมดุล ได้สัดส่วนของแคลเซียมและฟอสฟอรัสที่เหมาะสมแก่ลูกสุนัข เพื่อช่วยเสริมสร้างพัฒนาการกระดูกและฟันให้เจริญเติบโตแข็งแรง แต่ต้องระวังไม่ให้ได้รับแคลเซียม ฟอสฟอรัสและสารอาหารอื่นๆ มากเกินไปเช่นกัน

 

การดูแลเอาใจใส่สัตว์เลี้ยงมีความสำคัญมากๆ จำเป็นต้องพาไปฉีดวัคซีนตามกำหนดและตรวจสุขภาพเป็นประจำ น้องหมาก็จะปลอดภัยจากโรคร้ายและใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข มาเพิ่มความอุ่นใจให้น้องๆ ด้วยประกันสัตว์เลี้ยง TIP Pet Lover ที่ให้ความคุ้มครองหมดปัญหากังวลใจเรื่องค่าใช้จ่ายยามฉุกเฉิน ค่ารักษาพยาบาลไม่ว่าจะจากการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ หรือค่ารักษาพยาบาลเจ็บป่วย ด้วยเบี้ยเริ่มต้นเพียง 645 บาท/ปี สอบถามรายละเอียดได้ที่ TIPINSURE.COM หรือโทร. 1736

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : pedigree
ขอบคุณข้อมูลจาก : royalcanin

#Tag: