ฝังไมโครชิพที่แมว-สุนัข จำเป็นไหม อายุเท่าไหร่ถึงฝังได้
27 พฤศจิกายน 2024
ผู้ชม: 130 คน

การฝังไมโครชิพแมว-สุนัขคืออะไร จำเป็นต้องฝังไหม

การติดตามตัวสัตว์เลี้ยงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเจ้าของทุกคน แต่ไมโครชิพคืออะไร และมีความจำเป็นสำหรับแมวและสุนัขของเรามากน้อยแค่ไหน? TIPINSURE ขอพาเหล่าทาสแมว-สุนัขมาไขข้อสงสัยเกี่ยวกับความสำคัญของไมโครชิพ และทำไมมันถึงเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้คุณอุ่นใจได้เมื่อน้องหายไป พร้อมทั้งแนะนำอายุที่เหมาะสมในการฝังไมโครชิพให้กับสัตว์เลี้ยงของคุณ

 

ไมโครชิพคืออะไร?

ไมโครชิพ คือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็กที่ใช้สำหรับระบุตัวตนของสัตว์เลี้ยง มีขนาดเท่าเมล็ดข้าวสาร ภายในบรรจุหมายเลขประจำตัวที่ไม่ซ้ำกัน ช่วยให้เจ้าของสามารถติดตามและพิสูจน์ความเป็นเจ้าของได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในกรณีที่สัตว์เลี้ยงหลงทางหรือถูกขโมย

หลักการทำงานของไมโครชิพในสัตว์เลี้ยง

ไมโครชิพติดตามตัวทำงานโดยใช้เทคโนโลยี RFID (Radio Frequency Identification) เมื่อสแกนด้วยเครื่องอ่านพิเศษ ไมโครชิพจะส่งสัญญาณคลื่นวิทยุที่มีหมายเลขประจำตัวของสัตว์เลี้ยง ทำให้สามารถระบุตัวตนและข้อมูลของเจ้าของได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ โดยไม่ต้องใช้แบตเตอรี่หรือพลังงานใดๆ

ความจำเป็นในการฝังไมโครชิพ

การฝังไมโครชิพแมวและฝังไมโครชิพสุนัขมีความจำเป็นอย่างยิ่งในปัจจุบัน เนื่องจากช่วยเพิ่มโอกาสในการพบสัตว์เลี้ยงที่หายไปได้มากขึ้น อีกทั้งยังเป็นหลักฐานยืนยันความเป็นเจ้าของที่น่าเชื่อถือ มาดูข้อดีของการฝังไมโครชิพกันเพิ่มเติม

ข้อดีของการฝังไมโครชิพ

  • ระบุตัวตนได้แม่นยำ ไมโครชิพช่วยให้สามารถระบุตัวตนของสัตว์เลี้ยงได้อย่างแม่นยำ 100% เนื่องจากมีหมายเลขประจำตัวที่ไม่ซ้ำกัน ทำให้ไม่มีปัญหาการสับสนหรือปลอมแปลงข้อมูล
  • ติดตามสัตว์เลี้ยงที่หายได้ง่ายขึ้น หากสัตว์เลี้ยงหลงทาง เจ้าหน้าที่หรือคลินิกสัตวแพทย์สามารถสแกนไมโครชิพเพื่อติดต่อเจ้าของได้ทันที ช่วยลดระยะเวลาในการตามหาและเพิ่มโอกาสในการพบสัตว์เลี้ยงที่หายไป
  • ป้องกันการขโมยสัตว์เลี้ยง ไมโครชิพเป็นหลักฐานยืนยันความเป็นเจ้าของที่น่าเชื่อถือ ช่วยป้องกันการขโมยสัตว์เลี้ยงและทำให้การพิสูจน์ความเป็นเจ้าของเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
  • ไม่สูญหายหรือเสียหายง่าย ไมโครชิพฝังอยู่ใต้ผิวหนังของสัตว์เลี้ยง จึงไม่สูญหายหรือเสียหายง่ายเหมือนปลอกคอหรือแท็กห้อยคอ ทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลของสัตว์เลี้ยงจะอยู่กับตัวตลอดเวลา
  • ใช้งานได้ตลอดชีวิต ไมโครชิพมีอายุการใช้งานยาวนานและไม่ต้องเปลี่ยนหรือชาร์จแบตเตอรี่ ทำให้สามารถใช้งานได้ตลอดชีวิตของสัตว์เลี้ยง ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
  • สนับสนุนการควบคุมประชากรสัตว์ การฝังไมโครชิพช่วยในการควบคุมประชากรสัตว์จรจัด เนื่องจากสามารถติดตามประวัติการทำหมันและฉีดวัคซีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อายุที่เหมาะสมในการฝังไมโครชิพ

การฝังไมโครชิพแมวและฝังไมโครชิพสุนัขควรทำในช่วงอายุที่เหมาะสม เพื่อให้กระบวนการฝังเป็นไปอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยทั่วไปแล้ว อายุที่เหมาะสมจะแตกต่างกันระหว่างสุนัขและแมว

สำหรับสุนัข

สำหรับสุนัข สามารถฝังไมโครชิพสุนัขได้ตั้งแต่อายุ 6-8 สัปดาห์ขึ้นไป เนื่องจากในช่วงนี้ลูกสุนัขมีขนาดตัวที่เหมาะสมและระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงพอที่จะรับการฝังไมโครชิพได้อย่างปลอดภัย

สำหรับแมว

ส่วนการฝังไมโครชิพแมว สามารถทำได้ตั้งแต่อายุ 8-12 สัปดาห์ขึ้นไป ซึ่งเป็นช่วงที่ลูกแมวมีพัฒนาการทางร่างกายที่เหมาะสม และสามารถทนต่อกระบวนการฝังไมโครชิพได้ดี โดยไม่เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง

 

กระบวนการฝังไมโครชิพ

ก่อนตัดสินใจฝังไมโครชิพให้กับสัตว์เลี้ยง เจ้าของควรทำความเข้าใจกับกระบวนการฝังและการดูแลหลังฝัง เพื่อให้มั่นใจว่าสัตว์เลี้ยงจะได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม

ขั้นตอนการฝัง

  • การเตรียมตัวสัตว์เลี้ยง สัตวแพทย์จะตรวจสุขภาพทั่วไปของสัตว์เลี้ยงก่อนการฝัง เพื่อให้แน่ใจว่าอยู่ในสภาพพร้อมรับการฝังไมโครชิพ หากมีปัญหาสุขภาพใดๆ อาจต้องรักษาให้หายก่อน
  • การฆ่าเชื้อบริเวณที่จะฝัง สัตวแพทย์จะทำความสะอาดและฆ่าเชื้อบริเวณที่จะฝังไมโครชิพ ซึ่งมักเป็นบริเวณคอหรือหัวไหล่ของสัตว์เลี้ยง เพื่อป้องกันการติดเชื้อหลังการฝัง
  • การฉีดไมโครชิพ ใช้เข็มฉีดยาพิเศษสอดไมโครชิพเข้าใต้ผิวหนังของสัตว์เลี้ยง กระบวนการนี้ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีและสร้างความเจ็บปวดเพียงเล็กน้อย คล้ายกับการฉีดวัคซีนทั่วไป
  • การตรวจสอบการทำงาน หลังจากฝังเสร็จ สัตวแพทย์จะใช้เครื่องสแกนเพื่อตรวจสอบว่าไมโครชิพทำงานได้อย่างถูกต้อง และอ่านข้อมูลได้ชัดเจน
  • การลงทะเบียนข้อมูล เจ้าของจะต้องลงทะเบียนข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลของสัตว์เลี้ยงในฐานข้อมูลของระบบไมโครชิพ เพื่อให้สามารถติดต่อได้เมื่อมีการสแกนพบสัตว์เลี้ยง

ผลข้างเคียงจากการฝังไมโครชิพแมวและสุนัข

การฝังไมโครชิพเป็นกระบวนการที่ปลอดภัย แต่อาจมีผลข้างเคียงเล็กน้อยในบางกรณี เช่น อาการบวมหรือเจ็บบริเวณที่ฝังเป็นเวลา 1-2 วัน ในกรณีที่พบอาการผิดปกติ เช่น มีเลือดออก อักเสบ หรือสัตว์เลี้ยงแสดงอาการเจ็บปวดมากผิดปกติ ควรปรึกษาสัตวแพทย์ทันที

 

การดูแลหลังฝังไมโครชิพ

หลังจากฝังไมโครชิพแมวและฝังไมโครชิพสุนัข ควรดูแลบริเวณที่ฝังให้สะอาดและแห้ง ห้ามให้สัตว์เลี้ยงเลียหรือเกาบริเวณดังกล่าว เพื่อป้องกันการติดเชื้อ หากพบอาการผิดปกติ เช่น บวมมาก มีเลือดออก หรือสัตว์เลี้ยงแสดงอาการเจ็บปวดรุนแรง ควรพาไปพบสัตวแพทย์โดยเร็ว โดยทั่วไปแล้ว อาการเจ็บหรือไม่สบายตัวจะหายไปภายใน 24-48 ชั่วโมงหลังการฝัง

 

การฝังไมโครชิพเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการระบุตัวตนและติดตามสัตว์เลี้ยง ช่วยให้เจ้าของอุ่นใจและเพิ่มโอกาสในการพบสัตว์เลี้ยงที่หายไป อย่างไรก็ตาม เพื่อความอุ่นใจยิ่งขึ้น TIPINSURE ขอแนะนำประกันสัตว์เลี้ยงออนไลน์ กรมธรรม์ที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมทั้งการรักษาพยาบาลและอุบัติเหตุ ช่วยให้คุณพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นกับสัตว์เลี้ยงที่คุณรัก เข้าดูรายละเอียดประกันออนไลน์กันได้ผ่านเว็บไซต์ของพวกเราได้เลย

#Tag: